Asia
Leave a Comment

FUJIAN : เมืองพักผ่อนที่โรแมนติคที่สุดของจีน

Fสำหรับ 2 เมืองในมณฑลทางใต้ของจีนที่เราไปเที่ยวมา มันอยู่ติดกันแต่กลับแตกต่างกันสุดขั้ว จากเมืองที่เก่าแก่กว่าพันปี ไปจนถึงเกาะเศรษฐกิจพิเศษที่โตวันโตคืน บรรยากาศคลีนๆ สวยงามจนติดโผเมืองสุดโรแมนติค


1.    Quanzhou ฉวนโจว – เมืองท่าเก่าแก่กว่าพันปีที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมทางทะเล
2.    Xiamen เซี่ยเหมิน – เกาะที่เป็นเหมือนสวนกลางทะเล ความเจริญพุ่งพรวดๆเพราะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน เคยติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดและเมืองพักผ่อนที่โรแมนติกที่สุดของจีนด้วย

จีนตอนใต้นี่ค่อนข้างแตกต่าง เรื่องแรกเลยคือภาษา เค้าว่าสำเนียงพูดแถบนี้คล้ายไต้หวัน เราฟังเองก็รู้สึกนุ่มนวลกว่าจีนทั่วไปที่เคยได้ยิน ไม่กระโชกโฉงเฉง และอีกเรื่องคืออาหาร คนจีนตอนใต้กินอาหารไม่ค่อยจัด ไม่ค่อยมัน ออกแนวจืดๆ คลีนๆ เน้นกินผักและซีฟู๊ด ที่สำคัญคือซีฟู๊ดหลากหลายและถูกมาก

ทริปนี้เป็นทริป 5 วัน 4 คืน วนๆเวียนๆอยู่ใน 2 เมืองที่ได้กล่าวมานั่นแหละ เที่ยวแบบสบายๆ ไหว้พระขอพรไปเรื่อย เดินเล่น แล้วก็กินๆๆ โดยสถานที่ทั้งหมดที่ไปมา มีตามนี้ค่ะ วัดเยอะนิดนึง

1.    Anxi, Quanzhou – Qingshui Water Rock Temple วัดวิวดีๆในป่าเขา
2.    Quanzhou – Qingjing Mosque มัสยิดพันปีจากยุคเส้นทางสายไหมทางทะเล
3.    Quanzhou – Tonghuai Temple วัดเจ้าพ่อกวนอู
4.    Quanzhou – Luoyang Bridge สะพานแห่งแรกในโลกที่เสริมความแข็งแรงด้วยสิ่งมีชีวิต
5.    Quanzhou – Nan Shaolin Temple วัดหนานเส้าหลินและกังฟู
6.    Quanzhou – Wudianshi Historical Village หมู่บ้านเก่าแก่ที่มีชีวิตชีวาสุดๆในยุคปัจจุบัน
7.    Gulangyu Island, Xiamen – เกาะดนตรี เกาะเล็กๆที่คนจีนชอบหลบมาพักผ่อนหย่อนใจ
8.    Xiamen – Nanputou Temple วัดเจ้าแม่กวนอิม
9.    Xiamen – Zhongshan Lu Walking Street ถนนคนเดินที่มีของกินทั้งวันทั้งคืน
10.    Xiamen – Shenyou Huaxia Theatre โชว์ความเป็นมาของคนฮกเกี้ยน

2004
ตั้งแต่คุนหมิงในตอนนั้น เราก็หนีการเที่ยวเมืองต่างๆที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ของจีนมาตลอด รู้ซึ้งเลยว่ากลางแจ้งในไร่กะหล่ำปลียังดีกว่าต้องเข้าไปนั่งในห้องน้ำ เดินๆอยู่ถ้าได้ยินเสียงขากก็ต้องคอยระวังว่าใครจะพ่นอะไรออกมาทิศไหน

2017
รอบนี้ไปเห็นจีนแล้วค่อนข้างแปลกใจ ไม่ได้ยินเสียงขาก ไม่มีภาพภูเขาชอคโกแลตในห้องน้ำ เห็นแต่บ้านเมืองที่สะอาด อากาศดี เห็นพ่อแม่พาลูกๆออกมาเดินเก็บขยะกันตามถนน แล้วเด็กๆก็สวมสายสะพายด้วยนะ แบบทำดี ได้เป็นนางงาม จักรยานของรัฐก็เต็มบ้านเต็มเมือง มอเตอร์ไซค์ทุกคันเป็นไฟฟ้า ไม่มีเสียง ไม่เหม็นควัน ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวๆ เค้าบอกเดี๋ยวนี้ชาวนาไม่ปลูกข้าวแล้ว หันมาปลูกต้นไม้ขายรัฐดีกว่า รัฐรับซื้อ ให้เงินดีกว่าด้วย มาแล้วรู้สึกเลยว่าเป็นจีนที่คลีน

1. Qingshui Water Rock Temple, Anxi, Quanzhou
วัดชิงฉุ่ยตั้งอยู่แค่เชิงของภูเขา Penglai แต่ก็สูงจากระดับน้ำทะเลขึ้นมาเกือบ 700 เมตร เป็นวัดที่วิวสวย สามารถมองเห็นเมืองอันซีได้จากบนระเบียงวัด
แต่ละจุดของวัดตั้งอยู่กระจายกันไปตามภูเขา ต้องเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ
ผ่านทั้งดงสน ดงไผ่ และต้นไม่ใหญ่ๆที่เราว่าอายุคงเป็นพันปี ตัววัดถึงจะค่อยๆโผล่ออกมาให้เห็น วันนี้เป็นบ่ายวันธรรมดา แต่คนก็มาไหว้พระขอพรกันค่อนข้างเยอะ คนที่มาวัดนี้จะพกขวดพลาสติกมารองน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลลงมาจากหินด้วย ถึงได้ชื่อ water rock templeแวะกินข้าวเที่ยงแถวเมืองอันซีนี่แหละ แถวนี้อยู่สูง อากาศค่อนข้างหนาว และลมก็แรง ชาวบ้านเลยต้องเอาก้อนหินมาทับๆหลังคากันปลิว มองดูจะเห็นเป็นหลังคาตะปุ่มตะป่ำ แถวๆร้านมีไก่ดำฝูงใหญ่ พอเห็นเราเข้ามันก็ดูตื่นๆแล้วพากันวิ่งหนีเข้าพงขึ้นเขาไปด้วยความรวดเร็ว ถ่ายรูปไม่ทันเลยข้าวสำหรับมื้อเที่ยงถูกอบมาในกระบอกไม้ไผ่ ตัวข้าวเลยหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นไม้ อร่อย

ก่อนจะออกเดินทางกันต่อ สมาชิกร่วมทริปบอกอยากกินไก่ดำตุ๋นขิงสำหรับมื้อเย็นขึ้นมา
แล้วมันก็มาจริงๆ พวกที่วิ่งๆขึ้นเนินไปนั่นแหละ

2. Qingjing Mosque, Quanzhou

มัสยิดชิงจิ้งเป็นหนึ่งในมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดของจีน สร้างตั้งแต่คศ 1009 สมัยชาวอาหรับและตะวันตก เริ่มเข้ามาติดต่อค้าขายกับจีนผ่านเส้นสายไหมทางทะเล อย่างที่บอกว่าเมืองฉวนโจวเป็นเมืองท่าที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางนี้ นี่เลยเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญถึงการไปมาหาสู่ติดต่อกันระหว่าง 2 ซีกโลก มาร์โคโปโลเองก็เคยล่องเรือออกจากที่นี่เพื่อกลับสู่เวนิซหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ไป ภายในมัสยิดก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว คงอยู่แต่กำแพงและเสา
เดินเล่นดูเมืองฉวนโจวไปเรื่อยๆ ด้านหลังของมัสยิด3. Tonghuai Temple, Quanzhou

ถัดมาข้างๆมัสยิดอิสลามคือวัดจีนที่ควันโขมงโฉง วัดนี้มีเจ้าพ่อกวนอู คนมาไหว้วันทั้งคืน
จริงๆไม่ค่อยคุ้นหูกับคำว่าเจ้าพ่อกวนอูเท่าไหร่ ฟังแปลกๆ แต่คนจีนบอกมาแบบนี้ มีเจ้าแม่กวนอิม มีเจ้าพ่อกวนอู โอเค เรียกเจ้าพ่อเดินเล่นกันต่อในเมืองฉวนโจว เจอของดีที่คนท้องถิ่นยุให้ลอง อะ ลอง
นี่คือหนอนทรายในทะเลค่ะ เยลลี่รอบๆก็คือเมือกเจลาตินจากตัวหนอนนั่นแหละ เรียกว่าทั้งก้อนนี้ไม่มีอะไรอื่นนอกจากหนอน ถ้าอยากลองแต่ทำใจไม่ได้ ก็ให้เหยาะจิ๊กโฉ่วแล้วโปะกระเทียมสับไปเยอะๆเลย เมนูนี้เรียกว่า ถู่สุ่นโต้ง ใครใจกล้าเอาชื่อหนอน sipunculid ไปเสิชกูเกิ้ลดูหน้าตามันได้เลยค่ะอันนี้เป็ดตุ๋นขิง ที่นี่ชอบกินเป็ดไก่ตุ๋นขิง เป็นอาหารท้องถิ่นอีกจานที่อร่อย ขิงที่ตุ๋นรสค่อนข้างละมุน ไม่เผ็ดจัดเหมือนในอาหารไทย

ดึกๆก็จะมีรถเข็นมาเปิดขายข้าวต้มและก๋วยเตี๋ยว กินกับกับข้าวที่สั่งได้ทุกอย่าง เพราะในรถเข็นเค้ามีผักและเนื้อสัตว์ทุกอย่างจริงๆ รถเข็นกี่คันต่อกี่ก็หน้าตาเหมือนกันหมด

 

4. Luoyang Bridge, Quanzhou

สะพานลั่วหยาง นี่แหละคือสะพานแรกของโลกที่ใช้สิ่งมีชีวิตมาช่วยเสริมความแข็งแรงให้สะพาน! สิ่งที่ว่าก็คือหอยนางรม ด้วยภูมิปัญญาของคนจีนโบราณ ที่สร้างสะพานนี้ขึ้นตั้งแต่ปีคศ 1053 โดยการเลี้ยงหอยนางรมไว้ที่เสาสะพาน สารที่หอยนางรมปล่อยออกมาจะช่วยเพิ่มการยึดติดและเสริมความแข็งแรงให้ตัวสะพาน5. Nan Shaolin Temple, Quanzhou

วัดหนานเส้าหลิน หรือวัดเส้าหลินใต้ เป็นสาขาของวัดเส้าหลินที่ทุกคนรู้จักกันดีในเรื่องของกังฟู เสียดายที่ตอนเราไปไม่มีพระออกมาฝึกเลย ทุกอย่างเงียบสงบไปหมด วัดค่อนข้างกว้างขวาง เล่นพื้นที่ได้สวยงามไต่ไปตามเนินเขา ขื่อ คาน และหลังคาก็สวยแบบดิบๆเพราะเป็นไม้เก่าพื้นที่ด้านหลังของวัดมีลานฝึกกังฟู มีกระสอบทราย คานโหน และเสาไม่ไล่ระดับที่มีตั้งแต่ขั้นเตี้ยๆไปจนสูงท่วมหัวให้กระโดดข้ามไปมา ข้างๆกันยังมีแปลงผักสดๆของพระด้วย
6. Wudianshi Historical Village, Jinjiang, Quanzhou

ที่นี่เจ๋ง เป็นหมู่บ้านโบราณที่อนุรักษ์เอาไว้ได้ดีมาก ดีมากเพราะเค้าไม่ได้กันให้เป็นแค่สถานที่โบราณขึ้นหิ้งประเภทที่เด็กรุ่นใหม่ไม่มีใครอยากไป แต่เค้าจัดสรรพื้นที่อย่างดีให้คนเข้ามาทั้งเรียนรู้และพักผ่อนหย่อนใจ สถานที่นี้เลยดูชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยผู้คนทุกวัยอู่เตี้ยนชี่ มีความหมายว่า ย่าน 5 ร้าน แรกเริ่มเดิมทีย้อนไปในสมัยราชวงศ์ถัง คือนานมากๆ พันกว่าปีก่อน ครอบครัวนึงได้รวมกันเปิดร้านอาหารอย่างรหรูขึ้นถึง 5 ร้าน ทำให้ย่านนี้โด่งดังมาก เลยดึงดูดร้านอื่นๆให้ตามกันมา แบบตรงไหนขายดี ขอขายด้วยบางหลังที่มีประวัติสำคัญๆเค้าจะเปิดให้เข้าชมเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ เราก็จะได้เรียนรู้ที่มาของวัฒนธรรมความเชื่อไปพร้อมๆกัน เช่น บ้านขุนนาง พื้นบ้านจะไล่สเต็ปสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนสูงสุดที่ห้องสุดท้าย เพราะความเชื่อความหวังว่าจะได้เลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน บ้านของอดีตนักบวชที่คิดค้นชาสมุนไพรขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ป่วยเป็นหวัด หลังนี้เข้าไปเค้าก็แจกชาถ้วยเล็กๆให้จิบกันเลย หรือบ้านของข้าราชการ คนธรรมดา ที่เมื่อไหร่เห็นเก้าอี้ตั้งอยู่ 2 ตัว ให้รู้ไว้เลยว่าประมุขของบ้านต้องนั่งทางซ้าย เพราะถือว่าเป็นตำแหน่งที่เป็นใหญ่สุด ขนบความคิดแบบนี้ตามมาถึงการสร้างห้องน้ำในจีน ห้องน้ำชายจะอยู่ทางซ้าย ห้องน้ำหญิงจะอยู่ทางขวาเสมอ อันนี้เป็นความรู้อยากให้จำไว้เลย เพราะห้องน้ำในจีนเดี๋ยวนี้ถึงจะสะอาด แต่ก็ลำบากตรงที่บางครั้งมีแต่ภาษาจีน ไม่ทำสีหรือติดสัญลักษณ์ชายหญิงเลยบางหลังถูกเช่าไปทำเป็นร้านสายไหม ร้านคาราเมล ร้านไอติม ร้านซาลาเปา ที่กำลังจะสร้างเป็นเกสท์เฮาส์ก็มี โรงละครเอย โรงเรียนสอนทำเซรามิคสำหรับเด็กเล็กเอย เด็กๆนั่งเรียนกันเต็มเลย แล้วไม่ใช่แค่ให้ปั้นรูปสัตว์ ปั้นถ้วยชาม เค้าสอนเด็กๆขึ้นแป้นหมุนทำแจกันกันเลยหมู่บ้านแห่งนี้คือสถานที่สำหรับทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง และคู่รัก พ่อแม่หลายคนพาเด็กๆมาเดินเก็บขยะ เด็กเหล่านี้จะสวมสายสะพายสีแดง มือนึงถือที่คีบขยะ อีกมือหิ้วถังพลาสติกใบเล็กๆไว้ใส่ขยะ ทุกคนตั้งใจดูแลสถานที่กันเป็นอย่างดี เห็นเศษขยะเมื่อไหร่ก็แข่งกันวิ่งไปเก็บ จากที่ลองถามดู เค้าบอกไม่ใช่แค่เด็กนะ เดี๋ยวนี้เด็กโตและคนวัยทำงานก็ออกมาอาสาเก็บขยะตามวัดและสถานที่ท่องเที่ยวกันด้วย บอกแล้วว่าเมืองจีนพัฒนาไปมากเหลือเกิน

 

7. Gulangyu Island, Xiamen

ที่นี่ฮอตฮิตมากสำหรับคนจีนในการมาพักผ่อนแบบเช้าไปเย็นกลับ โดยเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์ นั่งเรือข้ามจากเซี่ยเหมินมา 5-20 นาทีก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศแล้ว ใครอยากมาต้องจองตั๋วขึ้นเกาะล่วงหน้า ขนาดจำกัดจำนวนคน เรายังรู้สึกได้เลยว่าบนเกาะนี่คนแน่นและฮอตฮิตจริงๆคนส่วนใหญ่เรียกเกาะกู่ลั่งหยูว่า เกาะดนตรีหรือเกาะเปียโน เพราะด้วยพื้นที่เกาะไม่ถึง 2 ตารางกิโลเมตรแต่กลับมีเปียโนมากถึง 300 หลัง คือเฉลี่ยแล้วทุก 2 ครอบครัวจะมีเปียโน 1 หลัง นอกจากเรื่องของเปียโน ผลพวงจากศิลปะวัฒนธรรมสมัยที่ยังตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก ยังส่งผลให้สถาปัตยกรรมของบ้านเรือนที่นี่ล้วนถูกสร้างขึ้นในสไตล์วิคตอเรียน ว่ากันว่าเกาะเปียโนน่าจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO ในเร็วๆนี้เกาะเปียโนได้ชื่อว่าใครมาก็เท่าเทียมกันหมด พอขึ้นจากเรือปุ๊บ จะไปไหนมาไหนทุกคนก็ต้องเดินเท้าละ ไม่มีรถยนต์ รถสาธารณะ มอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่จักรยานเลยซักคัน ยกเว้นให้นิดหน่อยคือรถดับเพลิงและรถพยาบาลน้ำทะเลรอบเกาะเปียโนนี่ไม่ค่อยเค็ม แต่ก็เต็มไปด้วยซีฟู๊ด! บนเกาะมีทั้งสตรีทฟู๊ดที่สุดแสนจะจริงจัง ร้านค้าขายของกระจุกกระจิกแฮนด์เมดก็เยอะ วัยรุ่นเลยเต็มเกาะ ร้านไหนฮิตคิวก็ยาว คนจีนที่นี่เค้าต่อแถวกันเป็นระเบียบนะ ไม่มีการมุงๆเนียนๆ! บางถนนก็เต็มไปด้วยกะละมังแช่ปูแช่หอยสดๆ  อยากกินตัวไหนก็สั่งแล้วเข้าไปนั่งรอกินในร้านได้เลย ของแห้งก็มีขาย ตั้งแต่ปลา กุ้ง เป่าฮื้อ ยันม้าน้ำแห้ง แต่อยากให้ลองชิมกระดูกปลาทอด อร่อยดี กรอบๆมันๆเคยได้ยินชื่อเสียงของร้านน้ำมะม่วงที่ชื่อฉันยุ่งมากที่จีนมาบ้าง แต่มานี่มาเจอขั้นกว่า ฉัมย่งนาก!

8. Nanputou Temple, Xiamen

วัดเจ้าแม่กวนอิมที่ดังที่สุดบนเกาะเซี่ยเหมิน ข้อดีที่สุดคือวัดนี้ควันไม่โขมงเพราะแต่ละคนมีสิทธิใช้ธูปแค่ 1 ดอกเท่านั้น ถ้าเทียบกับวัดทั่วไปที่คนมาไหว้ต้องใช้ธูป 3 ดอก บางวัดอย่างในฉวนโจวยิ่งแล้วใหญ่ คนไหว้ด้วยธูปเต็มกำมือ!

วัดตั้งอยู่ที่เชิงเขา ไหว้เสร็จก็เดินออกกำลังกายขึ้นเขาไปชมวิวเกาะได้

9. Zhongshan Lu Walking Street, Xiamen

ถนนคนเดินที่เปิดทั้งวันทั้งคืน ถนนไม่ได้ยาวมาก แต่กว้างมากถึง 4-5 เลน
ของกินมีให้เลือกละลานตา ซีฟู๊ดก็ถูก หอยนางรม 10 ตัวนี่ตกราวๆ 125 บาทเท่านั้น! กุ้งเผาตัวยักษ์ๆก็ไม่ถึง 50 บาท ล๊อบสเตอร์ หมึกยักษ์ หอยสังข์ หอยทาก และอีกหลายอย่างเลย

จงซานลู่เปิดทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อคืนเดินเล่นกินนู่นนี่ไปแล้ว ตอนเช้าก็มาใหม่ ได้อีกบรรยากาศ

ชาดอกไม้

นูกัตอันนี้ก็เคี้ยวหนึบ ฮิตกันทั้งฝั่งนี้และไต้หวัน

ของแท้ดั้งเดิมคือมะยมดอง แต่เราอยากลองสตรอว์เบอร์รี่ เป็นสตรอว์เบอร์รี่รสเปรี้ยวอมหวานเคลือบด้วยน้ำตาลกรอบๆ กินพร้อมกันคือทั้งกรอบทั้งฉ่ำ Tanghulu จะเสียบมาเป็นไม้ยาวๆหลายลูก ควรซื้อมาแบ่งกันกินอย่างยิ่ง ไม่งั้นจะสำลักความหวานเอา

อันนี้อยากแนะนำ dragon twister ที่ kfc ค่ะ อร่อยดี เป็น wrap ที่เลียนแบบเป็ดปักกิ่ง แต่ใช้ไก่ไม่มีกระดูกแทน ข้างในมีแตงกวาและซอสฮอยชินหวานๆเหมือนกันเปี๊ยบ

10. The Legend of Minnan, Shenyou Huaxia Theatre, Xiamen

สารภาพตรงๆว่าตอนแรกไม่คาดหวัง ไม่ค่อยชอบดูโชว์ แต่มันกลับเป็นชั่วโมงกว่าๆที่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของชาวฮกเกี้ยนได้อย่างสนุก ดูเพลิน แสงสีฉากเป็นซีจี บางทีก็ตลกดี ความพิเศษคือที่นั่งของเราจะอยู่บนเรือกลางน้ำ หมุนได้ 360 องศาเพื่อหันไปหาเวทีต่างๆที่ล้อมรอบเราอยู่

 

จบแล้ว 5 วัน 4 คืนใน 2 เมืองของมณฑลฝูเจี้ยน

เคยรึยัง ดูพระอาทิตย์ตกจากบนฟ้า สวยนะ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปทีละนิดจนเราแทบไม่รู้ตัว อาจเพราะมันกว้างใหญ่และไร้เมฆบัง

สำหรับช่วงปลายหน้าหนาวของจีน ลองเลือกไฟลท์กลับช่วง 4-5 โมงเย็น แล้วเลือกนั่งติดหน้าต่างฝั่งซ้าย ครั้งนี้เรานั่ง TG611 ที่ออกตอน 16.10 จริงๆคนไม่ค่อยกลับไฟลท์นี้กันเพราะต้องไปถึงสนามบินตั้งแต่บ่ายๆ เครื่องเลยไม่แน่น นั่งมาโล่งๆสบายๆ ชอบมาก ไฟลท์นี้เครื่องใหญ่และใหม่สุดๆ

ใครสนใจไฟลท์นี้ เข้าไปจองผ่าน http://www.thaiairways.com โลดดด

สำหรับทริปนี้เราเดินทางระหว่างเมืองด้วยความช่วยเหลือจากบริษัททัวร์ที่นู่น คือ Xiamen C&D Travel ที่ใจดีส่งมาให้ทั้งไกด์และพลขับ

แล้วบินกลับกรุงเทพจากเซี่ยเหมินใช้เวลาแค่ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น และขอเตือนว่าประเทศจีนห้ามถ่ายภาพเหนือน่านฟ้าเด้อ นั่งชมวิวอันกว้างใหญ่ และเพลิดเพลินกับอาหารบนเครื่องพอ เพลิดเพลินกับชามะขามด้วย นั่งการบินไทยไม่ดื่มชามะขามถือว่าพลาดมาก เราจัดไป 4 แก้วแหนะ

ไปกลับจีน มีบริการตะเกียบเอาใจคนจีนด้วย 555 นี่เลยนั่งกินฉู่ฉี่ดอรี่ด้วยตะเกียบซะเลย

ขอบคุณที่ติดตามกันมาถึงตรงนี้นะคะ
มีข้อมูลอะไรผิดพลาด อยากแนะนำหรือสอบถามอะไรเพิ่มเติม คอมเมนท์ไว้ได้เลย :)

SaveSave

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s