สำหรับ 2 เมืองในมณฑลทางใต้ของจีนที่เราไปเที่ยวมา มันอยู่ติดกันแต่กลับแตกต่างกันสุดขั้ว จากเมืองที่เก่าแก่กว่าพันปี ไปจนถึงเกาะเศรษฐกิจพิเศษที่โตวันโตคืน บรรยากาศคลีนๆ สวยงามจนติดโผเมืองสุดโรแมนติค
1. Quanzhou ฉวนโจว – เมืองท่าเก่าแก่กว่าพันปีที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมทางทะเล
2. Xiamen เซี่ยเหมิน – เกาะที่เป็นเหมือนสวนกลางทะเล ความเจริญพุ่งพรวดๆเพราะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน เคยติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดและเมืองพักผ่อนที่โรแมนติกที่สุดของจีนด้วย
จีนตอนใต้นี่ค่อนข้างแตกต่าง เรื่องแรกเลยคือภาษา เค้าว่าสำเนียงพูดแถบนี้คล้ายไต้หวัน เราฟังเองก็รู้สึกนุ่มนวลกว่าจีนทั่วไปที่เคยได้ยิน ไม่กระโชกโฉงเฉง และอีกเรื่องคืออาหาร คนจีนตอนใต้กินอาหารไม่ค่อยจัด ไม่ค่อยมัน ออกแนวจืดๆ คลีนๆ เน้นกินผักและซีฟู๊ด ที่สำคัญคือซีฟู๊ดหลากหลายและถูกมาก
ทริปนี้เป็นทริป 5 วัน 4 คืน วนๆเวียนๆอยู่ใน 2 เมืองที่ได้กล่าวมานั่นแหละ เที่ยวแบบสบายๆ ไหว้พระขอพรไปเรื่อย เดินเล่น แล้วก็กินๆๆ โดยสถานที่ทั้งหมดที่ไปมา มีตามนี้ค่ะ วัดเยอะนิดนึง
1. Anxi, Quanzhou – Qingshui Water Rock Temple วัดวิวดีๆในป่าเขา
2. Quanzhou – Qingjing Mosque มัสยิดพันปีจากยุคเส้นทางสายไหมทางทะเล
3. Quanzhou – Tonghuai Temple วัดเจ้าพ่อกวนอู
4. Quanzhou – Luoyang Bridge สะพานแห่งแรกในโลกที่เสริมความแข็งแรงด้วยสิ่งมีชีวิต
5. Quanzhou – Nan Shaolin Temple วัดหนานเส้าหลินและกังฟู
6. Quanzhou – Wudianshi Historical Village หมู่บ้านเก่าแก่ที่มีชีวิตชีวาสุดๆในยุคปัจจุบัน
7. Gulangyu Island, Xiamen – เกาะดนตรี เกาะเล็กๆที่คนจีนชอบหลบมาพักผ่อนหย่อนใจ
8. Xiamen – Nanputou Temple วัดเจ้าแม่กวนอิม
9. Xiamen – Zhongshan Lu Walking Street ถนนคนเดินที่มีของกินทั้งวันทั้งคืน
10. Xiamen – Shenyou Huaxia Theatre โชว์ความเป็นมาของคนฮกเกี้ยน
2004
ตั้งแต่คุนหมิงในตอนนั้น เราก็หนีการเที่ยวเมืองต่างๆที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ของจีนมาตลอด รู้ซึ้งเลยว่ากลางแจ้งในไร่กะหล่ำปลียังดีกว่าต้องเข้าไปนั่งในห้องน้ำ เดินๆอยู่ถ้าได้ยินเสียงขากก็ต้องคอยระวังว่าใครจะพ่นอะไรออกมาทิศไหน
2017
รอบนี้ไปเห็นจีนแล้วค่อนข้างแปลกใจ ไม่ได้ยินเสียงขาก ไม่มีภาพภูเขาชอคโกแลตในห้องน้ำ เห็นแต่บ้านเมืองที่สะอาด อากาศดี เห็นพ่อแม่พาลูกๆออกมาเดินเก็บขยะกันตามถนน แล้วเด็กๆก็สวมสายสะพายด้วยนะ แบบทำดี ได้เป็นนางงาม จักรยานของรัฐก็เต็มบ้านเต็มเมือง มอเตอร์ไซค์ทุกคันเป็นไฟฟ้า ไม่มีเสียง ไม่เหม็นควัน ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวๆ เค้าบอกเดี๋ยวนี้ชาวนาไม่ปลูกข้าวแล้ว หันมาปลูกต้นไม้ขายรัฐดีกว่า รัฐรับซื้อ ให้เงินดีกว่าด้วย มาแล้วรู้สึกเลยว่าเป็นจีนที่คลีน
วัดชิงฉุ่ยตั้งอยู่แค่เชิงของภูเขา Penglai แต่ก็สูงจากระดับน้ำทะเลขึ้นมาเกือบ 700 เมตร เป็นวัดที่วิวสวย สามารถมองเห็นเมืองอันซีได้จากบนระเบียงวัด
แต่ละจุดของวัดตั้งอยู่กระจายกันไปตามภูเขา ต้องเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ
ก่อนจะออกเดินทางกันต่อ สมาชิกร่วมทริปบอกอยากกินไก่ดำตุ๋นขิงสำหรับมื้อเย็นขึ้นมา
แล้วมันก็มาจริงๆ พวกที่วิ่งๆขึ้นเนินไปนั่นแหละ
มัสยิดชิงจิ้งเป็นหนึ่งในมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดของจีน สร้างตั้งแต่คศ 1009 สมัยชาวอาหรับและตะวันตก เริ่มเข้ามาติดต่อค้าขายกับจีนผ่านเส้นสายไหมทางทะเล อย่างที่บอกว่าเมืองฉวนโจวเป็นเมืองท่าที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางนี้ นี่เลยเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญถึงการไปมาหาสู่ติดต่อกันระหว่าง 2 ซีกโลก มาร์โคโปโลเองก็เคยล่องเรือออกจากที่นี่เพื่อกลับสู่เวนิซ
เดินเล่นดูเมืองฉวนโจวไปเรื่อยๆ ด้านหลังของมัสยิด
ถัดมาข้างๆมัสยิดอิสลามคือวัดจีนที่ควันโขมงโฉง วัดนี้มีเจ้าพ่อกวนอู คนมาไหว้วันทั้งคืน
จริงๆไม่ค่อยคุ้นหูกับคำว่าเจ้าพ่อกวนอูเท่าไหร่ ฟังแปลกๆ แต่คนจีนบอกมาแบบนี้ มีเจ้าแม่กวนอิม มีเจ้าพ่อกวนอู โอเค เรียกเจ้าพ่อ
นี่คือหนอนทรายในทะเลค่ะ เยลลี่รอบๆก็คือเมือกเจลาตินจากตัวหนอนนั่นแหละ เรียกว่าทั้งก้อนนี้ไม่มีอะไรอื่นนอกจากหนอน ถ้าอยากลองแต่ทำใจไม่ได้ ก็ให้เหยาะจิ๊กโฉ่วแล้วโปะกระเทียมสับไปเยอะๆเลย เมนูนี้เรียกว่า ถู่สุ่นโต้ง ใครใจกล้าเอาชื่อหนอน sipunculid ไปเสิชกูเกิ้ลดูหน้าตามันได้เลยค่ะ
ดึกๆก็จะมีรถเข็นมาเปิดขายข้าวต้มและก๋วยเตี๋ยว กินกับกับข้าวที่สั่งได้ทุกอย่าง เพราะในรถเข็นเค้ามีผักและเนื้อสัตว์ทุกอย่างจริงๆ รถเข็นกี่คันต่อกี่ก็หน้าตาเหมือนกันหมด
สะพานลั่วหยาง นี่แหละคือสะพานแรกของโลกที่ใช้สิ่งมีชีวิตมาช่วยเสริมความแข็งแรงให้สะพาน! สิ่งที่ว่าก็คือหอยนางรม ด้วยภูมิปัญญาของคนจีนโบราณ ที่สร้างสะพานนี้ขึ้นตั้งแต่ปีคศ 1053 โดยการเลี้ยงหอยนางรมไว้ที่เสาสะพาน สารที่หอยนางรมปล่อยออกมาจะช่วยเพิ่มการยึดติดและเสริมความแข็งแรงให้ตัวสะพาน
วัดหนานเส้าหลิน หรือวัดเส้าหลินใต้ เป็นสาขาของวัดเส้าหลินที่ทุกคนรู้จักกันดีในเรื่องของกังฟู เสียดายที่ตอนเราไปไม่มีพระออกมาฝึกเลย ทุกอย่างเงียบสงบไปหมด วัดค่อนข้างกว้างขวาง เล่นพื้นที่ได้สวยงามไต่ไปตามเนินเขา ขื่อ คาน และหลังคาก็สวยแบบดิบๆเพราะเป็นไม้เก่า
ที่นี่เจ๋ง เป็นหมู่บ้านโบราณที่อนุรักษ์เอาไว้ได้ดีมาก ดีมากเพราะเค้าไม่ได้กันให้เป็นแค่สถานที่โบราณขึ้นหิ้งประเภทที่เด็กรุ่นใหม่ไม่มีใครอยากไป แต่เค้าจัดสรรพื้นที่อย่างดีให้คนเข้ามาทั้งเรียนรู้และพักผ่อนหย่อนใจ สถานที่นี้เลยดูชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยผู้คนทุกวัยอู่เตี้ยนชี่ มีความหมายว่า ย่าน 5 ร้าน แรกเริ่มเดิมทีย้อนไปในสมัยราชวงศ์ถัง คือนานมากๆ พันกว่าปีก่อน ครอบครัวนึงได้รวมกันเปิดร้านอาหารอย่างรหรูขึ้นถึง 5 ร้าน ทำให้ย่านนี้โด่งดังมาก เลยดึงดูดร้านอื่นๆให้ตามกันมา แบบตรงไหนขายดี ขอขายด้วย
ที่นี่ฮอตฮิตมากสำหรับคนจีนในการมาพักผ่อนแบบเช้าไปเย็นกลับ โดยเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์ นั่งเรือข้ามจากเซี่ยเหมินมา 5-20 นาทีก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศแล้ว ใครอยากมาต้องจองตั๋วขึ้นเกาะล่วงหน้า ขนาดจำกัดจำนวนคน เรายังรู้สึกได้เลยว่าบนเกาะนี่คนแน่นและฮอตฮิตจริงๆ
8. Nanputou Temple, Xiamen
วัดเจ้าแม่กวนอิมที่ดังที่สุดบนเกาะเซี่ยเหมิน ข้อดีที่สุดคือวัดนี้ควันไม่โขมงเพราะแต่ละคนมีสิทธิใช้ธูปแค่ 1 ดอกเท่านั้น ถ้าเทียบกับวัดทั่วไปที่คนมาไหว้ต้องใช้ธูป 3 ดอก บางวัดอย่างในฉวนโจวยิ่งแล้วใหญ่ คนไหว้ด้วยธูปเต็มกำมือ!
วัดตั้งอยู่ที่เชิงเขา ไหว้เสร็จก็เดินออกกำลังกายขึ้นเขาไปชมวิวเกาะได้
9. Zhongshan Lu Walking Street, Xiamen
ถนนคนเดินที่เปิดทั้งวันทั้งคืน ถนนไม่ได้ยาวมาก แต่กว้างมากถึง 4-5 เลน
ของกินมีให้เลือกละลานตา ซีฟู๊ดก็ถูก หอยนางรม 10 ตัวนี่ตกราวๆ 125 บาทเท่านั้น! กุ้งเผาตัวยักษ์ๆก็ไม่ถึง 50 บาท ล๊อบสเตอร์ หมึกยักษ์ หอยสังข์ หอยทาก และอีกหลายอย่างเลย
จงซานลู่เปิดทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อคืนเดินเล่นกินนู่นนี่ไปแล้ว ตอนเช้าก็มาใหม่ ได้อีกบรรยากาศ
ชาดอกไม้
นูกัตอันนี้ก็เคี้ยวหนึบ ฮิตกันทั้งฝั่งนี้และไต้หวัน
ของแท้ดั้งเดิมคือมะยมดอง แต่เราอยากลองสตรอว์เบอร์รี่ เป็นสตรอว์เบอร์รี่รสเปรี้ยวอมหวานเคลือบด้วยน้ำตาลกรอบๆ กินพร้อมกันคือทั้งกรอบทั้งฉ่ำ Tanghulu จะเสียบมาเป็นไม้ยาวๆหลายลูก ควรซื้อมาแบ่งกันกินอย่างยิ่ง ไม่งั้นจะสำลักความหวานเอา
อันนี้อยากแนะนำ dragon twister ที่ kfc ค่ะ อร่อยดี เป็น wrap ที่เลียนแบบเป็ดปักกิ่ง แต่ใช้ไก่ไม่มีกระดูกแทน ข้างในมีแตงกวาและซอสฮอยชินหวานๆเหมือนกันเปี๊ยบ
10. The Legend of Minnan, Shenyou Huaxia Theatre, Xiamen
สารภาพตรงๆว่าตอนแรกไม่คาดหวัง ไม่ค่อยชอบดูโชว์ แต่มันกลับเป็นชั่วโมงกว่าๆที่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของชาวฮกเกี้ยนได้อย่างสนุก ดูเพลิน แสงสีฉากเป็นซีจี บางทีก็ตลกดี ความพิเศษคือที่นั่งของเราจะอยู่บนเรือกลางน้ำ หมุนได้ 360 องศาเพื่อหันไปหาเวทีต่างๆที่ล้อมรอบเราอยู่
จบแล้ว 5 วัน 4 คืนใน 2 เมืองของมณฑลฝูเจี้ยน
เคยรึยัง ดูพระอาทิตย์ตกจากบนฟ้า สวยนะ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปทีละนิดจนเราแทบไม่รู้ตัว อาจเพราะมันกว้างใหญ่และไร้เมฆบัง
สำหรับช่วงปลายหน้าหนาวของจีน ลองเลือกไฟลท์กลับช่วง 4-5 โมงเย็น แล้วเลือกนั่งติดหน้าต่างฝั่งซ้าย ครั้งนี้เรานั่ง TG611 ที่ออกตอน 16.10 จริงๆคนไม่ค่อยกลับไฟลท์นี้กันเพราะต้องไปถึงสนามบินตั้งแต่บ่ายๆ เครื่องเลยไม่แน่น นั่งมาโล่งๆสบายๆ ชอบมาก ไฟลท์นี้เครื่องใหญ่และใหม่สุดๆ
ใครสนใจไฟลท์นี้ เข้าไปจองผ่าน http://www.thaiairways.com โลดดด
สำหรับทริปนี้เราเดินทางระหว่างเมืองด้วยความช่วยเหลือจากบริษัททัวร์ที่นู่น คือ Xiamen C&D Travel ที่ใจดีส่งมาให้ทั้งไกด์และพลขับ
แล้วบินกลับกรุงเทพจากเซี่ยเหมินใช้เวลาแค่ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น และขอเตือนว่าประเทศจีนห้ามถ่ายภาพเหนือน่านฟ้าเด้อ นั่งชมวิวอันกว้างใหญ่ และเพลิดเพลินกับอาหารบนเครื่องพอ เพลิดเพลินกับชามะขามด้วย นั่งการบินไทยไม่ดื่มชามะขามถือว่าพลาดมาก เราจัดไป 4 แก้วแหนะ
ไปกลับจีน มีบริการตะเกียบเอาใจคนจีนด้วย 555 นี่เลยนั่งกินฉู่ฉี่ดอรี่ด้วยตะเกียบซะเลย
มีข้อมูลอะไรผิดพลาด อยากแนะนำหรือสอบถามอะไรเพิ่มเติม คอมเมนท์ไว้ได้เลย :)