Asia
Leave a Comment

PHUKET : ชีวิตช้าลงที่เกาะโหลน ชุมชนชาวเลแห่งท้องทะเลภูเก็ต

ASL final template
ทะเลภูเก็ตในความทรงจำนั้นคึกคักและวุ่นวายด้วยนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ
อยากฝังตัวในความสงบให้ชีวิตช้าลงทีไร คงไม่มีใครมองภูเก็ต เราเคยคิดแบบนั้น จนมาเจอเกาะโหลน!ยืนยันว่าภูเก็ตในรีวิวนี้เงียบสงบสุดๆชุมชนชาวเลแห่งท้องทะเลภูเก็ตที่เราพูดถึงอยู่กันที่ เกาะโหลน เกาะที่อยู่ใกล้ภูเก็ตที่สุด แต่กลับหลุดลอดไปจากสายตาของนักท่องเที่ยวทุกคน อาจเพราะทุกคนคาดหวังน้ำสีมรกตใสและโลกอีกใบใต้ทะเล ถึงจะต้องเบียดกับกองทัพนักท่องเที่ยวบนหาดก็คงยอม

เกาะโหลนไม่มีน้ำทะเลที่ใสขนาดนั้น จึงได้ความสงบเงียบมาทดแทน ไม่มีทัวร์ลง หาดทรายมีเพียงเด็กๆลูกชาวเลวิ่งเล่นกันสนุกสนาน ความเงียบสงบที่จะได้สัมผัสนี้รวมถึงการท่องเที่ยววิถีชุมชน รู้จักชาวอูรักลาโว้ย ลองทำขนมโค ขนมข้าวต้มใบมะพร้าว และบาติกมัดย้อม

ทริปนี้เป็นการไปภูเก็ตในนามผู้หญิงเที่ยวไทย โครงการชวนผู้หญิงออกไปเที่ยวของทททและการบินไทย เป็นการเที่ยวแบบสบายๆที่ใช้ชื่อตอนว่า เที่ยวแบบมาดาม อย่าเพิ่งกลัวชื่อทริปเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นมาดามนะ เราที่ไม่มีความมาดามยังชอบเลย ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ พักผ่อนในบรรยากาศดีๆ กินอาหารอร่อยๆ ดังนั้นถึงไม่ได้เป็นมาดาม เป็นแค่เพื่อน แฟนหรือครอบครัวมาดามก็ไปกันได้ เพียงแต่สิทธิพิเศษดีๆในโครงการนี้เราแถมให้เฉพาะผู้หญิง

ขอแบ่งรีวิวนี้ออกเป็น
1.    เกาะโหลน
2.    อ่าวยน
3.    อาหารใต้ฉบับภูเก็ต
4.    สิทธิดีๆสำหรับผู้หญิง


1. เกาะโหลน

ทำไมถึงชื่อเกาะโหลน อันนี้น่าสนใจ

ชาวเกาะโหลนบอกกับเราว่า เมื่อก่อนนู้นน ชาวบ้านบนฝั่งภูเก็ตเลี้ยงควายแล้วควายก็ไล่กินหญ้าจนหมด ไม่มีหญ้าให้ควายกินแล้ว เลยต้อนฝูงควายให้ว่ายน้ำข้ามฝั่งจากภูเก็ตขึ้นมาที่เกาะแห่งนี้ ฝูงควายขึ้นไปกินยอดหญ้าบนภูเขาไปเรื่อยๆ จนในที่สุดหญ้าก็เกลี้ยง กลายเป็นภูเขาหัวโล้น โล้น โล้น โลน โหลน เพี้ยนมาประมาณนี้ 5555

เกาะโหลนอยู่ใกล้ตัวเมืองภูเก็ตมาก นั่งเรือหัวโทงออกมาจากท่าเรืออ่าวฉลองไม่กี่นาทีก็เริ่มเห็นเกาะสีเขียวกลางทะเล ยิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งดูร่มรื่นสมบูรณ์ ต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นเบียดกันแน่น และเพียงแค่ 20 นาทีเราก็มาถึงเกาะโหลน มันเงียบซะจนนึกว่าเป็นเกาะร้าง มองไม่เห็นใครซักคนบนฝั่ง พอเรือเทียบท่า เห็นซุ้มยินดีต้อนรับเข้าสู่เกาะแล้วก็เริ่มหลอนนิดๆ ดีว่ามาตอนกลางวันและมีเจ้าถิ่นออกมาต้อนรับด้วยน้ำมะพร้าวเย็นชื่นใจ ความหลอนจึงหายวับ

ชาวอูรักลาโว้ย คือชาวเลไทยมุสลิมที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ ทุกคนที่เราได้เจอน่ารัก ยิ้มแย้ม และดูอารมณ์ดีตลอดเวลา

อูรักลาโว้ย Urak Lawoi หรือ โอรังลาอุต Orang Laut ซึ่งแปลว่าคนทะเลในภาษามลายู Orang คน Laut ทะเล คนทะเลหรือชาวเลคือผู้ที่อาศัยอยู่ริมทะเล หากินกับท้องทะเล หรือทำประมงเป็นอาชีพหลัก บ้างเร่ร่อนไปตามเกาะต่างๆ บ้างก็เริ่มลงหลักปักฐานตามชายฝั่งอย่างชาวอูรักลาโว้บนเกาะโหลน จริงๆในประเทศไทยมีชาวเลอยู่ 3 กลุ่ม นอกจากอูรักลาโว้ยยังมีกลุ่มที่ชื่อคุ้นหูอย่างมอแกนและมอแกลน

บนเกาะแห่งนี้มีคนอาศัยอยู่กันเพียง 99 คนเท่านั้น แค่เราเดินทางไปก็เป็นคนที่ 100 แล้ว พวกเค้าอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้กันมา 5 เจเนอเรชั่น สร้างที่พักกระจายกันไปทั่วทั้งเกาะ ไม่ได้เป็นกระจุกหมู่บ้านอะไร สร้างใกล้ชิดกันเพียงกระจุกละ 2-3 หลังเท่านั้น เด็กๆลูกชาวเลจะนั่งเรือไปกลับเช้าเย็นเพื่อไปเรียนหนังสือที่ฝั่งภูเก็ต พวกเค้าบอกว่าการได้ไปเรียนบนฝั่งนู้นจะทันยุคทันสมัยกว่า โดยรถโรงเรียนของพวกเด็กๆก็คือเรือหัวโทง ต้องจ่ายค่าโดยสารรับส่งแบบเหมาเดือนกันคนละ 3,000 บาท แพงเหมือนกันนะเนี่ย

ชาวเลที่นี่ไม่ได้ทำแค่ประมงเหมือนแต่ก่อน แต่ยังทำเกษตร ปลูกยาง ปลูกมะพร้าว
รวมทั้งได้เริ่มรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนบ้านราไวย์ เปิดให้คนได้เข้ามาท่องเที่ยววิถีชุมชน เรียนรู้ชีวิตประจำวันของพวกเขา
กิจกรรมบนเกาะโหลนในวันนี้คือเรียนรู้การทำขนมโค ขนมข้าวต้มใบมะพร้าว และการมัดย้อมบาติก



—– ขนมโค —–

เดี๋ยวนี้รู้สึกหากินยากจังเลย โชคดีที่มะๆ หรือเหล่าแม่ๆ ชาวอูรักลาโว้ยที่มาสอนทำขนมวันนี้เลือกหยิบเมนูนี้ขึ้นมาสอน

ขนมโค น่าจะมีต้นกำเนิดแถบมลายูนี่แหละ ชาวมลายูรู้จักขนมชนิดนี้ในชื่อ Onde Onde หรือ Buah Melaka เป็นขนมที่ทำง่าย ส่วนผสมหลักก็คือมะพร้าว ที่เค้าปลูกกันเอง ชาวอูรักลาโว้ยเลยทำกินเล่นในครัวเรือนบ่อยๆ หน้าตาของมันคล้ายขนมต้มขาวของไทยเรามากทีเดียว ดูเผินๆคงแยกไม่ออก จนกว่าจะได้ลองกัด

ภายในของแป้งข้าวเหนียวสีน่ารักคือน้ำตาลมะพร้าวล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นเจือปน
ความอร่อยของขนมโคน่าจะอยู่ที่ความนุ่มหนึบของแป้งข้าวเหนียว ที่พอกัดแล้วไส้เหลวๆหอมๆจะทะลักออกมาเหมือนลาวา ในขณะที่น้ำตาลบางส่วนยังไม่ละลาย ก็เคี้ยวได้กรุบๆ แถมภายนอกสุดยังคลุกด้วยมะพร้าวทึนทึกที่ไม่แก่เกินไป

ที่บรรยายไปคือความอร่อยจากฝีมือมะที่ทำมาให้เราลองชิมก่อนจะต้องลงมือเอง ดูไม่ยาก ขูดมะพร้าว ผสมแป้งกับน้ำคั้นจากใบเตย อัญชัน และแครอท นวดแป้งให้เนียนแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆเพื่อยัดน้ำตาลมะพร้าวชิ้นเล็กๆเข้าไป นำไปต้มจนขนมลอยขึ้นมา ก็นำไปคลุกกับมะพร้าวขูด แค่นี้เอง
แต่ทำไมมันอร่อยไม่เท่ามะ!

ชิมฝีมือตัวเองไปเรื่อยๆก็เริ่มรู้ เพราะเราปั้นใหญ่ไปนิด พอต้มจนแป้งสุก ขนมลอยขึ้นมา แต่ความร้อนยังเข้าไม่ถึงด้านใน ไส้น้ำตาลของเราเลยไม่ค่อยละลาย กัดไปมีแต่แป้งหนาๆและไส้น้ำตาลที่ยังเป็นก้อนแข็ง ตอนนี้กลับมากรุงเทพแล้ว ตั้งใจว่าจะมาลองทำเองดูอีกหน เพราะแค่เห็นรูปก็อยากกินขนมโคอีกแล้ว



—– ขนมข้าวต้มใบมะพร้าว —–

ไม่เคยเห็น ไม่เคยกิน และไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่พอได้ดูหน้าตาขนมในมือของมะที่มาสอนเราทำเท่านั้นแหละ รู้เลยว่างานเข้า ละเมียดเหลือเกิน อยากเรียกว่าเป็นการมานั่งเรียนหัตถกรรมพื้นบ้านมากกว่าจะมาเรียนทำขนม

รสชาติของข้าวต้มใบมะพร้าวจะคล้ายกับข้าวเหนียวมูน หวานๆเค็มๆและหอมมันด้วยกะทิ วิธีทำคือสานใบมะพร้าวเส้นยาวๆให้เป็นตะกร้อ กรอกข้าวเหนียวลงไป แล้วนำไปต้มในน้ำกะทิ ฟังดูไม่ยุ่งยากเลยเนาะ 5555



—– ผ้าบาติกมัดย้อม —–

เราเรียกรวมกันเองว่าบาติกมัดย้อมเพราะเป็นการทำทั้ง 2 อย่างในผืนเดียว
เขียนน้ำเทียนร้อนๆลงบนผ้า รอจนลายเทียนที่วาดแห้ง แล้วจึดนำผ้ามามัดๆด้วยหนังยาง ส่วนของผ้าที่ถูกมัดจะไม่โดนสีกัด คือจะยังเป็นสีขาวอยู่ ยิ่งมัดแน่น ลายสีขาวก็จะยิ่งชัด มัดเสร็จแล้วก็จัดการนำลงไปแช่ในถังสี ทิ้งไว้ซักชั่วโมง ชุบพวกน้ำยาเพื่อกันสีตก แล้วจึงนำไปต้มในน้ำที่ละลายผงซักฟอกไว้แป๊บนึงเพื่อให้เทียนที่วาดไว้หลุดออกไป

ในปัจจุบันชาวบ้านยังใช้สีสังเคราะห์อยู่ แต่ก็กำลังทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเพื่อหาสีจากพืชที่เหมาะสมมาใช้แทน ตอนนี้เค้าก็กำลังเอาพวกต้นคราม ต้นฝากมาปลูกกันบนเกาะนี่เลย

หมด 3 กิจกรรมแล้วก็มุ่งหน้ากลับสู่ท่าเรืออ่าวฉลอง
จริงๆที่เกาะโหลนแห่งนี้มีโฮมสเตย์ด้วย ถ้ามีเวลาก็ติดต่อเข้าไปพักกันได้



2. อ่าวยน

อ่าวยนเป็นอ่าวเล็กๆที่อยู่ติดกับแหลมพันวา อยู่ทางทิศใต้ของภูเก็ต หาดทรายที่โค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวอาจไม่ขาวละเอียดเป็นแป้งแบบทางกะตะ กะรน แต่ก็แลกมาได้ด้วยความเงียบสงบเป็นส่วนตัว ตอนที่เราไปไม่มีพวกเตียงผ้าใบหรือร่มชายหาดให้เห็นเลย ในทะเลก็ไม่มีนักท่องเที่ยวเล่นน้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นที่จอดเรือยอร์ชและสปีดโบ๊ทลำเล็กมากกว่า พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นและตกที่กลางอ่าวยน แต่วิวตรงหน้าก็ยังสวยงาม น่าเดินเล่น แถมเดินแป๊บเดียวก็สุดหาดแล้ว

หน้าหาดมีป้ายเตือนว่า ระวังปลากระเบน!

เราพักที่โรงแรม บัญดารา ภูเก็ต บีช รีสอร์ท (โรงแรมนี้ต้มข่าซีฟู๊ดในลูกมะพร้าวอ่อนอร่อยมากกกก)
ห้องพักไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ก็ดูใหม่ สะอาด ถ้าอยากได้ห้องที่เห็นวิวทะเลชัดๆ ต้องรีเควสไปว่าขอห้องชั้น 3 นะ

ส่วนชั้น 4 เป็นดาดฟ้า มีสระว่ายน้ำ infinity pool ให้ว่ายเล่นชมวิวอันดามัน

หนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงมาทั้งที แค่นอนเล่นในโรงแรมอาจไม่พอ ไปต่อสปาของเค้ากันด้วยเลยที่ Shine Spa ซึ่งแถมให้ผู้หญิงฟรีเมื่อซื้อแพกเกจจากผู้หญิงเที่ยวไทย


ตอนไปถึงสปาใหม่ๆฝนกำลังตกพอดี บรรยากาศภายในทั้งแสง กลิ่น เพลงและอุณหภูมิกำลังชวนให้ผ่อนคลายสุดๆ

เราเลือกนวดไทย ปกติชอบนวดรักษาอาการกับพวกหมอ ไม่ค่อยชอบนวดกับร้านทั่วไปที่เหมือนมาบีบแก้เมื่อยนิดหน่อย หรือถ้าแรงดีแต่ก็ดันกดผิดจุดจนระบมกว่าเดิม ที่นี่ไม่ใช่หมอแต่ก็นวดดีจนติดใจ therapist ที่ช่วยดูแลเราตัวเล็กแต่ฝีมือไม่เบา กดได้ตรงเส้น นวดเสร็จตัวเบา ไม่มีระบมช้ำ นวดไทยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ก็ให้เราได้นวด 1 ชั่วโมงเต็มโดยไม่แกล้งหักเวลาเปลี่ยนชุดหรือเวลารับรองทิ้งไปแบบหลายๆที่
ไม่แปลกใจเลยที่สปาแห่งนี้จะได้ 5 ดาวเต็มบน tripadvisor

เนื่องจากมัวแต่นวดเพลิน เลยขอใช้รูปจาก bandaragroup.com มาลงแทนนะคะ


3. อาหารใต้ฉบับคนภูเก็ต

อาหารใต้นี่ถึงจะเป็นเมนูเดียวกัน แต่รสชาติของแต่ละจังหวัดก็แตกต่างกันออกไป รสของอาหารใต้แบบชาวภูเก็ตค่อนข้างกลมกล่อม ออกหวาน เราว่ากินง่ายสำหรับคนกรุง


—– ร้านวันจันทร์ —–

วันจันทร์เพราะเจ้าของเกิดวันจันทร์ ร้านตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าและก็ตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจ
มีโอกาสได้ลองกินหลายเมนู เส้นหมี่แกงปูใบชะพลู หมูฮ้อง หมูผัดกะปิ กุ้งทอดกระเทียม ผัดผักเหมียงผัดไข่กุ้งเสียบ ห่อหมกปู น้ำพริกกุ้งเสียบ

เมนูที่ชอบมากๆคือ
–     แกงปูใบชะพลู : ไม่งกเนื้อปูและชะพลูเลย ให้ปูก้อนใหญ่ๆมาเต็มชาม เนื้อสดแน่น เครื่องแกงเข้มข้น หอมกลิ่นชะพลูในทุกคำที่ทานคู่กับเส้นหมี่
–     หมูผัดกะปิ – หมูเนื้อนุ่ม ผัดแบบแห้งๆกับกะปิหอมๆและพริกซอย
–     ผัดผักเหมียงผัดไข่กุ้งเสียบ : เป็นคนที่ชอบกินผักเหมียงหรือใบเหลียงมาก เวลาเพื่อนคนใต้ขึ้นกรุงเทพทีไรก็จะกำมาฝากตลอด เคยซื้อมาลองปลูกที่บ้านด้วยนะ ปลูกตั้งนาน งอกอยู่ 3-4 ใบ เอามาผัดคงได้ไม่ถึงช้อน 555 กลับมาที่วันจันทร์ ร้านนี้ผัดได้รสชาติดีเลยค่ะ เราชอบกินผัดใบเหลียงที่ชุมพร รู้สึกคนชุมพรผัดอร่อย แต่พอได้มาลองกินที่ร้านนี้ก็ชอบมาก เคยได้ยินคนพูดเหมือนกันว่าอาหารใต้ของภูเก็ตกับชุมพรจะรสคล้ายๆกัน คือหวานกลมกล่อม

จริงๆหมูฮ้องก็ดี หมูเปื่อยมาก หอมพวกเครื่องเทศ เป็นเมนูที่ควรมีติดโต๊ะไว้แก้เผ็ด

สำหรับขนมหวานได้ลองเป็น โอวเอ๋วในน้ำแดง โอวเอ๋วขนมพื้นถิ่นที่มีหน้าตาคล้ายวุ้นใสๆ ทำมาจากเยื่อกล้วยน้ำว้า ความเด็ดอยู่ที่ร้านนี้เสิร์ฟมาในชามน้ำแดงเฮลส์บลูบอยและแตงโม กินแล้วสดชื่นมาก ไม่รู้มาก่อนว่าแตงโมกับน้ำแดงจะเข้ากันสุดๆ กลายเป็นว่าแตงโมอร่อยแซงโอวเอ๋วไปแล้ว

—– ร้าน Dibuka —–

ลองกินร้านอาหารใต้สไตล์ภูเก็ตแบบดั้งเดิมไปแล้ว ก็ถึงคราวลองเมนูภูเก็ตฟิวชั่นกันบ้าง
ร้านนี้ชื่อว่า ดีบุก้า ตั้งอยู่บนถนนดีบุกนั่นเอง ตกแต่งเหมือนเป็นเหมืองแร่โรงดีบุกเก่าๆแต่กรุผนังด้วยกระจกสูงใหญ่ดูทันสมัย ฟิวชั่นทั้งชื่อร้าน การตกแต่ง และอาหาร ตอนแรกไม่ได้คาดหวังมาก เพราะรู้สึกอาหารฟิวชั่นอร่อยๆหายาก การจะทำให้อร่อยต้องรู้จักจุดเด่นของต้นตำรับเป็นอย่างดี ต้นตำรับต้องถึงเครื่องก่อน ถึงจะเอามาประยุกต์แล้วอร่อย ซึ่งร้านนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลย

เมนูที่ได้กินมี คัปเปลินี่แกงปู สปาเก็ตตี้ผัดกะปิหมูฮ้อง พิซซ่าหน้าแกงปู พิซซ่าหน้าหมูฮ้อง แกงเหลืองแซลมอนยอดมะพร้าวอ่อน คุโรบุตะจิ้มแจ่ว ผัดสะตอกุ้งสด ปลาทอดส้มตำ สลัดชาวเล และอะไรซักอย่างที่คล้ายๆกุ้งสับเอาไปทอดกินกับซอสกลิ่นน้ำผึ้ง

จานอร่อยยกให้
–     คัปเปลินี่แกงปู : ชอบที่ใช้เส้นคัปเปลินี่เพราะกินแล้วได้รสของแกงปูมากกว่าเส้นสปาทั่วไป ให้ไข่ยางมะตูมและรากบัวชุบแป้งทอดมาตัดเผ็ดด้วย
–     สปาเก็ตตี้ผัดกะปิหมูฮ้อง : สปาเก็ตตี้จานนี้รสนวลๆ หมูฮ้องเปื่อยดี กินกับไข่ยางมะตูม พริก หอมแดงซอยและมะนาว ต้องคลุกรวมกัน ไม่งั้นเลี่ยน
–     แกงเหลืองแซลมอนยอดมะพร้าวอ่อน : โอย อันนี้รสเปรี้ยวหวานอร่อยมาก ยอดมะพร้าวคัดมาดี อ่อนสุดๆ
–     คุโรบุตะจิ้มแจ่ว : เมนูที่อยู่นอกสายตาแต่จิ้มมากินเพราะต้องการแก้รสเผ็ด กินไปกินมาซัดคนเดียวแทบหมดจาน ตัวหมูย่างนุ่มมาก แจ่วก็รสดี

เครื่องดื่มน่าลองทั้งนั้น ใครไปกินอาจใช้เวลาตัดสินใจเลือกนานกว่าอาหารอีก แต่ละแก้วมีส่วนผสมที่ดูเข้ากันได้ดีระหว่างผักผลไม้และดอกไม้  จำเมนูเป๊ะๆไม่ได้นะคะ แต่ได้ลองเสาวรสแตงกวา ส่วนอีกแก้วเป็นเอิร์ลเกรย์ลิ้นจี่และน้ำเชื่อมกุหลาบ หอมอร่อยทั้งคู่

ขนมหวานของร้านนี้โดยส่วนตัวทานแล้วเฉยๆ แต่เพื่อนร่วมโต๊ะก็ชอบกัน

—– Great Shot Bar, Foto Hotel —–

แถมให้หนึ่งบาร์บนดาดฟ้าของโรงแรมโฟโต้ ถึงไม่เข้าพัก ก็มานั่งฟังเพลงดูพระอาทิตย์ตกลับทะเลพร้อมกับค็อกเทลอร่อยๆกันได้ บาร์สีแซ่บนี้เพิ่งเปิดสดๆร้อนๆเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา

เลือกไม่ถูกเลยลองจิ้ม signature drink ตัวบนสุดในเมนูมาลอง แล้วก็ไม่ผิดหวังกับชะลอมจิ๋วแก้วนี้
กลิ่นหอมเย็นๆของมะลิ ใบเตย หวานอ่อนๆแบบไทยๆแต่ตัดด้วยรสเปรี้ยวของมะนาว แครนเบอร์รี่ และแอปเปิ้ล


4.สิทธิดีๆสำหรับผู้หญิง

จริงๆแพกเกจนี้รวมไว้แค่ตั๋วเครื่องบินและที่พักราคาพิเศษ ซึ่งจะได้รับสปาฟรี และขนมหวานฟรี แถมยังมีสิทธิลุ้นตั๋วเครื่องบินฟรีๆจากการบินไทยอีกด้วย เพียงแค่คุณเป็นผู้หญิง : )  ส่วนเรื่องจะไปเที่ยวไหนในภูเก็ตก็สามารถจัดการได้ตามชอบ แต่ถ้าอยากลองไปเที่ยวภูเก็ตแบบที่ทำให้ชีวิตช้าและเงียบลงบ้าง ก็ลองไปเกาะโหลนดูได้

สิทธิพิเศษทุกอย่างจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ
1.     เป็นผู้หญิง
2.     ซื้อตั๋วไปกลับภูเก็ตผ่าน thaiairways.com โดยออกตั๋วได้ตั้งแต่ วันนี้ – 31 สิงหา 17
3.     นำโค๊ดจากตั๋วมาจองโรงแรม bandara phuket ในราคาพิเศษสำหรับ 2 คืน ยกเว้นวันหยุดยาว

ประโยชน์ที่ผู้หญิงจะได้
1.     สปาฟรี 1 ชม. สำหรับ 2 คน ที่ shine spa
2.     โอวเอ๋ว ขนมหวานอร่อยๆจากวันจันทร์
3.     ขนมหวานฟิวชั่นจากร้าน dibuka
4.     มีสิทธิลุ้นตั๋วไปกลับภูเก็ต 2 ที่นั่งฟรีจากการบินไทย แจกทุกเดือน เพียงถ่ายรูปตัวเองคู่กับ boarding pass โพสลงอินสตาแกรม พร้อม #tglady #ผู้หญิงเที่ยวไทย2017

รายละเอียดเพิ่มเติมดูที่ http://www.thaiairways.com/th_TH/plan_my_trip/Special_fare/Offers_Booking/PackageLady.page?WT.mc_id=FB00227

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านกันมาจนบรรทัดสุดท้าย ขอบคุณโครงการผู้หญิงเที่ยวไทย และสายการบินไทยนะคะ :)

SaveSave

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s