แวบแรกที่คิดจะไปจอร์แดน สารภาพว่าอยากไปเพราะแค่อยากเห็น Petra และลอยตัวใน Dead Sea
รู้จักจอร์แดนแค่นี้ก็อยากไปแล้ว แต่พอยิ่งหาข้อมูล ก็ได้รู้ว่าจอร์แดนมีที่เที่ยวอื่นๆอีกนะ
Wadi Rum ทะเลทรายสีแดงที่บรรยากาศเหมือนดาวอังคาร
Wadi Mujib เส้นทางเทรคกิ้งลุยน้ำกลางหุบเขา
Red Sea แหล่งดำน้ำสุดขึ้นชื่อ
ทริปนี้เป็นการผจญภัยในดินแดนที่ได้ชื่อว่าปลอดภัยที่สุดบนคาบสมุทรอาระเบียแล้ว เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอย่าง ซาอุดิอาระเบีย อิรัค ซีเรีย อิสราเอล และปาเลสไตน์ ข้อมูลท่องเที่ยวและเรื่องราวต่างๆระหว่างการเดินทาง ขอเก็บไปเล่าแน่นๆในกระทู้ต่อไปละกันนะ
ในนี้ขอเน้นเรื่องกล้องหน่อย เพราะได้กล้องตัวใหม่มาลองใช้พอดี Canon EOS 80D พกไปถ่ายทั้งภาพนิ่งและวีดีโอเลย
ต้องออกตัวก่อนเลยว่าเราไม่ได้เป็นช่างภาพอาชีพหรือเชี่ยวชาญเรื่องกล้องเป็นพิเศษ
รีวิวนี้เลยไม่ได้ทำเพื่อทดสอบประสิทธิภาพสูงสุดของกล้อง แต่เป็นการเอาไปใช้เที่ยวเล่นจริงๆตลอด 7 วันในจอร์แดน มีภาพและวีดีโอจากกล้องตัวนี้มาให้ดูด้วย ส่วนข้อดี ข้อเสีย และความเห็นส่วนตัวจะเขียนไว้ท้ายรีวิวนะคะ ( :
1. Petra : (1/160 f/5 ISO 500)
หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและที่ที่ทุกคนนึกถึงเป็นอันดับแรกเมื่อพูดถึงจอร์แดน
“นครเพตรา” นครโบราณที่เคยผ่านทั้งความรุ่งเรือง ความล่มสลาย จนสุดท้ายหายสาบสูญไปจากแผนที่
2. Petra : (1/125 f/6.3 ISO 200)
เพตราได้ชื่อว่าเป็น The Rose City เพราะสีของเมืองนี้เหมือนกุหลาบ เราเดินในนี้ทั้งวัน
เลยได้เห็นเพตราเป็นสีชมพูในยามเช้า และอมส้มในตอนกลางวัน
3. Petra : (1/200 f/7.1 ISO 200)
เพตราใหญ่มากนะ ตั๋วเข้าชมเลยมีให้เลือกตั้งแต่ 1-3 วัน มีเส้นทางให้เลือกเดินเยอะเลย ใครไม่อยากเดิน
ก็มีทั้งอูฐ ลา ฬ่อ ม้า และรถม้าให้เลือกใช้ เราขี่ฬ่อขึ้นทางนี้ สนุกมาก ทางชัน ต้องจับฬ่อจนตัวเกร็ง
4. Petra : (1/640 f/5 ISO 500)
เป็นหน้าร้อนที่แดดสาดมาเกือบ 40 องศา
เดินจนตัวไหม้ตัวพองกันไปเลย
ตอนนั้นทำท่าเป็นยกกล้องจะถ่ายหิน
แต่จริงๆแอบเล็งคุณลุง
เล็งตั้งแต่คุณลุงยังไม่เดินเข้าเฟรม
แล้วจิ้มถ่ายผ่าน Live View เลย
กลับมาเพิ่งเห็นว่าคุณลุงยิ้มให้ด้วย : )
5. Siq Trail, Petra : (1/200 f/5.6 ISO 200)
ทางเดินแคบๆระหว่างผาหินทรายซ้ายขวาจะพาเราเข้าสู่วิหารของนครเพตรา เมื่อสองพันกว่าปีก่อน
คนอาหรับสร้างเมืองด้วยการแกะสลักภูเขาผาหินทรายสีชมพูเข้าไป สร้างวิหาร หลุมศพ โรงละคร
และเจาะถ้ำไว้อาศัย
6. Petra Night (5” f/3.5 ISO 500)
กิจกรรม Petra Night จะจัดขึ้นตอนสามทุ่ม เพียงบางคืน
เริ่มจากให้เราเดินใต้แสงดาวและทางช้างเผือกไปตาม Siq Trail กลับสู่นครโบราณ
ที่นั่นมีคนพื้นเมืองรอเล่าตำนานให้ฟัง และมีดนตรีพื้นบ้านบรรเลงรอเราอยู่
7. Petra Night : แสงน้อยก็ยังโฟกัสได้สบาย เงียบ และเร็วด้วย (0.4” f/9 ISO 500)
นอกจากแสงดาวบนท้องฟ้า และแสงไฟที่ส่องเข้าผาหินจนทุกอย่างกลายเป็นสีแดงแบบรูปบน
อีกแสงนึงที่นำทางเราเข้าสู่ที่นี่คือแสงเทียนจากโคมกระดาษเล็กๆ วางกระจายเต็มไปหมด
8. Rum Village : (1/1600 f/8 ISO 400)
เราแวะที่หมู่บ้านรัมเพื่อซื้อน้ำและของกินเล่นไว้เติมพลังระหว่างวัน
เตรียมตัวสำหรับการไปรอนแรมค้างคืนในทะเลทราย
9. Wadi Rum : (1/2500 f/6.3 ISO 400) AF Auto Select 45 จุด
นี่คือรถที่จะพาเราตะลุยวาดิรัม ทะเลทรายที่ทรายบางช่วงเป็นสีส้ม และทรายบางช่วงเป็นสีแดง
10. (1/2000 f/4.5 ISO 500) โฟกัสผ่านการจิ้มทัชสกรีนไปที่หน้าลา
11. Wadi Rum : (1/2000 f/8 ISO 400) โฟกัสผ่านการจิ้มทัชสกรีนไปที่หน้าอูฐ
เราขี่อูฐตัวนี้ไป 2 ชั่วโมง ตอนมันใจเย็นๆค่อยๆเดินก็นั่งเพลินดี อย่าปล่อยให้มันวิ่งเชียว โยกแทบตก
12. Wadi Rum : (1/1250 f/10 ISO 400)
อูฐดำก็มา ถ่ายตัวนี้ตอนขี่อูฐอีกตัวอยู่ มือนึงจับอูฐ มือนึงถือกล้อง เล็งถ่ายยากมาก ดีว่ามี AF Auto
Select 45 จุดช่วยไว้เลย
13. Wadi Rum : (1/1000 f/8 ISO 200)
แทบไม่เจอเมฆซักก้อนในจอร์แดน ตอนมาถึงเนินทรายสีแดงแห่งนี้ก็เช่นกัน ที่เนินแห่งนี้สามารถเล่น
Sand Boarding ได้ ใช้กระดานแบบเดียวกับสโนว์บอร์ดเลย เล่นเหมือนกัน แต่อาจเร็วไม่เท่าบนหิมะ
14. Wadi Rum : (1/1000 f/8 ISO 200) การไล่โทนสีของภาพทำได้ดี
ทะเลทรายสีแดงแห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายหนัง Sci-Fi ด้วยนะ วาดิรัมถูกจำลองว่าเป็นดาวอังคาร
15. Wadi Rum : (1/1250 f/8 ISO 200)
นอกจากทรายสีแดง และพุ่มพืช อาหารของอูฐที่ขึ้นเป็นหย่อมๆ ที่นี่ก็เต็มไปด้วยภูเขาหินเต็มไปหมด
16. Wadi Rum : (1/60 f/5 ISO 200) รายละเอียดของภาพมาเต็ม
เราว่าวาดิรัมสวยสุดในตอนเย็นที่แดดอ่อนแสงลงแล้ว ทรายสีส้มแดงในตอนกลางวัน
จะเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบแบบเพตรา
17. Wadi Rum : (1/160 f/8 ISO 400)
วาดิรัม แปลว่า หุบเขาพระจันทร์ ไม่รู้เพราะความปุ่มป่ำหรือเพราะที่นี่สวยมากตอนต้องแสงจันทร์ก็ไม่รู้
เรามาค้างที่นี่ในคืนเดือนมืด ดาวเต็มฟ้า ชัดสุดที่เคยเห็นมา ทางช้างเผือกก็มองได้ด้วยตาเปล่า
แต่ไม่มีพระจันทร์และวาดิรัมให้ดูนะ
18. Dead Sea : (1/500 f/4 ISO 1000)
ทะเลที่ได้ชื่อว่าเค็มที่สุดในโลกมีความหนาแน่นของเกลืออยู่สูงมาก หนาแน่นจนตัวเราลอยได้เอง
ขาและเท้าจะเด้งขึ้นมาจากน้ำจนดูเหมือนเรากำลังนั่งอยู่
ใครมาที่นี่เลยชอบโพสท่านั่งอ่านหนังสือกันกลางทะเล
19. Dead Sea : (1/400 f/8 ISO 200)
หินริมน้ำมีผลึกเกลือเกาะจนขาวไปหมด แข็ง คม และแวววาว วันนั้นร้อนมากจนต้องใส่หมวกลงไปเล่นน้ำ
หมวกเปียกนิดหน่อย พอกลับขึ้นฝั่งมาไม่นานหมวกก็แห้ง แต่มีผงเกลือขาวๆเกาะฟูตามจุดที่เคยเปียก
20. Dead Sea : (1/1600 f/7.1 ISO 200)
ในเดดซีมีน้ำมันผสมอยู่นะ ตอนว่ายรู้สึกเลยว่าลื่นและเหนอะเหมือนน้ำเชื่อม แต่เป็นน้ำเชื่อมที่เค็มมากๆ
เค็มจนขมไปทั้งปาก เค็มกว่าทะเลปกติถึง 6 เท่า
21. Dead Sea : (1/800 f/10 ISO 200)
ริ้วเกลือใต้น้ำ แถบนี้แดดแรงมากๆ มันทำให้น้ำในทะเลระเหยจนระดับน้ำลดลงถึงปีละ 1 เมตร
รัฐบาลของประเทศรอบๆเดดซีจึงช่วยกันเติมน้ำลงไปเรื่อยๆ ไม่งั้นเดดซีอาจจะแห้งหายไปภายในปี 2050
22. Wadi Mujib : (1/400 f/5.6 ISO 3200)
วาดิมูจิบ มีเส้นทางให้เลือกเทรคกิ้งเยอะมาก เราเลือกเดิน Siq Trail ต้องเดินลุยน้ำไปเองเกือบ 3 ชั่วโมง
ไม่ต้องมีไกด์ ในนี้ค่อนข้างมืด การยืนต้านกระแสน้ำระดับเอวทำให้ตัวเราสั่น มือไม่นิ่งเลย ต้องพึ่ง ISO
สูงหน่อย แต่ Noise ประมาณนี้รับได้สบาย
23. Wadi Mujib : (1/100 f/5 ISO 640)
ทุกคนต้องใส่ชูชีพเดินลุยกระแสน้ำเข้าไปในหุบเขา บางช่วงน้ำแค่ระดับเท้า บางช่วงก็สูงถึงไหล่
ระดับน้ำสูงสุดในฤดูร้อนปีนี้อยู่ที่ 1.5 เมตร
24. Wadi Mujib : (1/160 f/5 ISO 640)
ผาหินที่วาดิมูจิบมีสีสันหลากหลายกว่าเพตราอีกนะ เหลือง ส้ม ชมพู แดง ดำ น้ำตาล ม่วง มีหมด
เขียวตะไคร่น้ำก็มี
25. Wadi Mujib : (1/100 f/10 ISO 200)
ทางออกของวาดิมูจิบ น้ำตื้นขึ้นจนได้กลับมาเดินบนบกอีกครั้ง
ข้อดี
1. ตอนถ่ายวีดีโอ เลือกให้ย้ายโฟกัสช้าเร็วได้หมด ย้ายได้นุ่มนวลด้วย
2. ทัชสกรีนบน Live View ใช้ได้ดีมาก ตอบสนองเร็วและแม่นยำ
3. โฟกัสเงียบและเร็ว แม้จะเป็นตอนกลางคืนที่แสงน้อย
4. Viewfinder ขนาด 100% ตอนที่เล็งเห็นยังไง ถ่ายมาก็ได้แบบนั้นเป๊ะ
ไม่มีอะไรโผล่มาที่ขอบรูปให้รำคาญ
5. Timelapse ในตัว สะดวกและใช้งานง่าย
6. ถ่ายวีดีโอได้ที่ 60 fps ทำให้ภาพออกมาละมุน
7. ISO ที่ 3200 ยังดูดีมาก มองเผินๆเหมือนเป็นรูปที่ตั้งใจใส่ Grain มากกว่าจะเป็น Noise
ข้อเสีย
1. เดินถือมือเดียวนานๆเมื่อยมาก เพราะตำแหน่งวางนิ้วโป้งมือขวาเซาะร่องมาค่อนข้างตื้น
2. ปุ่ม Start/Stop สำหรับวีดีโอกดยาก กดแล้ววีดีโอที่ถ่ายอยู่จะสั่นได้ง่ายมาก
วิธีแก้ส่วนตัวคือถ่ายเกินจากที่ต้องการไปเลย เดี๋ยวค่อยไปตัดช่วงที่สั่นทิ้งอีกที
3. Censor วัดแสงเวลาแดดจ้าๆติดจะ Over ไปนิด รูปที่ถ่ายกลางแดดจ้าเลยรู้สึกว่าซีดไป
4. Live View กลางแดดจ้าๆ มองยากมาก
ความคิดเห็นส่วนตัว
Canon EOS 80D เป็นกล้องที่พกไปเที่ยวแล้วสนุกมาก เลนส์คิทที่มากับกล้องคือ EF-S 18-
135mm IS USM แบกไปตัวเดียวเที่ยวได้ทั่ว ปกติเวลาไปเที่ยวจะไม่ค่อยถ่ายวีดีโอ
แต่ใช้กล้องตัวนี้แค่ไม่กี่วันก็ชักติดใจการถ่ายวีดีโอซะแล้ว
ฟังค์ชั่นต่างๆของกล้องทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังถ่ายหนังเลย
เวลาไปเที่ยวเราค่อนข้างชินกับการถ่ายภาพผ่าน Live View มันได้เห็นบรรยากาศรอบตัวขณะถ่าย
เห็นทางหางตาได้ว่าอะไรกำลังจะผ่านเข้ามาในเฟรม ทำให้เราโฟกัสสิ่งต่างๆได้ทัน
ซึ่งจอตัวนี้ก็ใช้งานได้ดีมาก ตอบสนองเร็ว แตะเลือกตรงไหนก็โฟกัสมาให้ตรงนั้นเป๊ะๆ ไม่มีพลาดเลย
ใครชอบถ่ายแนวสตรีทที่ต้องเน้นเรื่องจังหวะ คงถ่ายได้สนุกขึ้นเยอะ