5 สถานที่นี้น่าจะถูกใจคนรักธรรมชาติและอยากเห็นวิวแปลกๆ ภูเขาชมพู ทุ่งสารพัดสี หน้าผาลาวา และการเดินขึ้นภูเขาหิมะเพื่อไปคาเฟ่น้ำแข็ง! แล้วจะรู้ว่าเกาหลีไม่ได้มีแค่การช้อปปิ้งและติ่งอปป้า ถ้าครั้งหน้ามีเพื่อนชวนไปเกาอีก ลองชวนกันออกไปดูวิวแปลกๆนอกโซลกัน
- Yeongchwisan Azalea
- Suncheon Bay
- Taebaeksan National Park
- Jusangjeolli Cliff
- Seogwipo Canola
กว่าภูมิประเทศจะหน้าตาแบบนี้คงต้องย้อนไป 8,000 กว่าปีก่อน หลังเกิดยุคน้ำแข็งแล้วน้ำแข็งละลายออกมาจนน้ำในทะเลสูงขึ้นกว่า 160 เมตร พื้นที่ฝั่งตะวันตกของเกาหลีเลยกลายเป็นทะเล ตัดขาดจากจีนแผ่นดินใหญ่ เกาหลีจึงเป็นคาบสมุทรอย่างทุกวันนี้
เมื่อไหร่ที่มีแพลนจะไปเที่ยวเกาหลี อย่าลืมไปส่องโปรจาก Traveloka ก่อนซื้อตั๋วดูนะ
เค้ามีโค้ดส่วนลดมาแจกบ่อยๆ
1. Yeongchwisan Azalea
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี ยองชวีซานจะเป็นสถานที่แรกในเกาหลีที่ดอกอาซาเลียจะบาน ที่นี่เลยติดอันดับ 1 ใน 3 สถานที่ชมดอกอาซาเลียที่ใหญ่และฮิตที่สุด เมื่อสันเขาที่เชื่อมระหว่างยอด Yeongchwibong peak และ Jindallaebong peak เริ่มเป็นสีชมพูในต้นเดือนเมษา นั่นเป็นสัญญาณว่าฤดูใบไม้ผลิและเทศกาลภูเขาสีชมพู Yeongchwisan Azalea Festival ได้เริ่มขึ้นแล้ว อาซาเลียจะทะยอยบานจนพีคสุดเมื่อทั้งภูเขาเป็นสีชมพู บนเขาจะไม่มีต้นไม้สูงที่ให้ร่มเงามากนักเพราะเจ้าพวกนี้ชอบแดดจัดๆ มันเป็นดอกไม้ตระกูลเดียวกับกุหลาบพันปี คนไทยเลยเรียก azalea นี้ว่ากุหลาบพันปีอาซาเลีย
ยองชวีซานเป็นภูเขาที่ไม่สูงมาก แค่ 510 m above sea level สามารถเดินขึ้นไปถึงยอดได้ในเวลาไม่นาน และยังมีหลายเส้นทางไปกลับตั้งแต่ 1 – 3 ชั่วโมงให้เลือกเดิน
- ช่วงเวลาแนะนำ : เมษายน
- วิธีเดินทาง : จากโซล ให้ไปขึ้นบัสที่ Central City terminal ไปยัง Yeosu (5hr)
จากนั้นให้ต่อบัสเบอร์ 52 ไปลงที่ Heungguksa Temple (1hr) หรือขึ้นบัสเบอร์ 68, 73 หรือ 76 ไปลงที่ป้าย Jinbuk (Sangam-dong) แล้วเดินต่ออีกหน่อย
2. Suncheon Bay
สวนซุนชอน หรือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติพื้นที่ชุ่มน้ำอ่าวซุนชอน เป็นเหมือนบ้านหลังสำคัญของทั้งพืช สัตว์น้ำ และสารพัดนกหายาก สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นทุกปีๆ คือ reed deck สะพานไม้ 1.2 กม. ที่คดเคี้ยวไปในทุ่งกก ข้างทางนอกจากมีต้นกกสีเหลืองทอง ยังมีพวกนกและปูซ่อนอยู่ตามกกสูงๆพวกนี้ด้วย ช่วงฤดูใบไม้ร่วงต้นกกจะสูงท่วมหัวและออกดอกฟูๆสวยงาม สวนแห่งนี้เลยได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรกกแห่งเกาหลี
ไม่ใช่แค่กกที่ดึงนักท่องเที่ยวนะ ยังมีดอก suaeda japonica ที่เปลี่ยนให้ที่นี่กลายเป็นทุ่งสีแดงเพลิง ดอกไม้ชนิดนี้จะเปลี่ยนสีประมาณปีละ 7 ครั้ง ยิ่งช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงมันจะแดงก่ำจนกลายเป็นม่วงเลย
ตะกอน ดิน โคลน ทราย ที่ไหลมากับแม่น้ำทำให้ชายฝั่งค่อยๆเปลี่ยนแปลงรูปร่างมาตลอดระยะเวลากว่า 3000 ปี จนตอนนี้ปากอ่าวซุนชอนกลายเป็นรูปตัว S ถ้าขึ้นไปที่จุดชมวิว Yongsan Observatory ก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกเหนือเหนือสายน้ำตัว S นี้ด้วย
- ช่วงเวลาแนะนำ : ช่วงบ่ายๆเย็นๆไปจนถึงพระอาทิตย์ตก ในเดือนพฤศจิกายนจะมีงาน Suncheon Bay Reeds Festival จัดขึ้นปีละประมาณ 3 วัน แต่ถึงไม่ใช่ช่วงเทศกาล ฤดูใบไม้ร่วงก็ยังน่าเที่ยว มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ลองเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ : Suncheon Bay
- วิธีเดินทาง : จากโซล ให้ขึ้นรถไฟสาย Jeolla line ที่สถานี Yongsan ไปยังสถานี Suncheon (3hrs12mins) จากนั้นต่อบัสหมายเลข 60~68, 81~85 หรือ 88 ไปลงที่ Suncheon Bay International Garden Exposition (10mins)
3. Taebaeksan National Park
ภูเขาแทแบคซานที่คนเกาหลีเชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่บนเทือกเขา Baekdudaegan เทือกเขาสำคัญที่เป็นที่ทอดยาวไปตามแนวประเทศจนเป็นเหมือนกระดูกสันหลัง ถ้าหากมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะได้เจอกับดอกอาซาเลียสีชมพูบานทั่ว มาฤดูร้อนต้นไม้ข้างทางก็จะเขียว ฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นอีกสีสันนึง ส่วนหน้าหนาวที่ความสูงระดับนี้ แน่นอนว่าทุกอย่างขาวโพลน
เดินขึ้นมาซัก 2 ชั่วโมงกว่าก็จะถึงยอดเขา (1,460m above sea level) บนนี้มีวัดเกาหลีอยู่ด้วย ชื่อวัด Manggyeongsa สร้างขึ้นเมื่อคศ 742 อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ พันกว่าปีก่อนนู้น สมัยที่เกาหลียังเป็นอาณาจักรชิลลา Jilla Dynasty ตอนนั้นประเทศไทยของเรายังไม่เกิด ยังเป็นอาณาจักรโบราณที่ชื่อละโว้อยู่เลย
ในช่วงมกราคม – กุมภาพันธ์ ภูเขาแทแบคจะมีเทศกาล Taebaeksan Mountain Snow Festival ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ตลอด 10 วันเป็นประจำทุกปี เทศกาลหิมะของภูเขาแทแบคนอกจากจะมีระกวดรูปปั้นหิมะขนาดใหญ่ยักษ์ เล่นเลื่อนหิมะ ขว้างบอลหิมะ และแสดงดนตรีเหมือนเทศกาลหิมะทั่วไป ที่นี่ยังมีให้นั่งรถเลื่อนด้วยฝูงฮัสกี้ คาเฟ่น้ำแข็งที่ตั้งโต๊ะและเก้าอี้ทำจากก้อนน้ำแข็งหมดเลย
- ช่วงเวลาแนะนำ : กลางธันวาคม – กลางกุมภาพันธ์
ที่นี่จะปิดกลางกุมภา – กลางพฤษภา และ ต้นพฤศจิกา – กลางธันวา เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว - วิธีเดินทาง : ขึ้นบัสจากสถานีบัส Dong Seoul ไปลงที่สถานีบัส Taebaek (~3hrs / 23,000won) จากนั้นให้ต่อบัสเบอร์ 7 (ปลายทาง Danggol 당골) เพื่อไปลงที่ Taebaeksan National Park
4. Jusangjeolli Cliff
บนชายฝั่ง Daepo ของเกาะเชจูจะมีหน้าผาหน้าตาประหลาดๆชื่อ Jusangjeolli หน้าผานี้เป็นกลุ่มเสาหินบะซอล์ททรงหกเหลี่ยมหลายพันแท่งที่แทงขึ้นเหนือน้ำทะเล มันไล่ระดับกันขึ้นมาเรื่อยๆเหมือนบันไดธรรมชาติจนสุดที่ความสูง 20 เมตร เสาหินที่หน้าตาเหมือนรวงผึ้งเหล่านี้ทำให้เรานึกถึง Reynisfjara บนหาดทรายสีดำของไอซ์แลนด์ และ Giant’s Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ หน้าตาเหมือนกันเลย
เช่นเดียวกับที่ไอซ์แลนด์และไอร์แลนด์เหนือ จูซังจอลลีของเกาหลีก็เกิดจากการฟอร์มตัวของลาวาเมื่อปะทะเข้ากับน้ำทะเลเย็นๆ เสาแต่ละแท่งจะสูงแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความช้าเร็วในการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของลาวา โดยเป็นลาวาที่มาจากการระเบิดของภูเขาไฟ Hallasan กลางเกาะเชจูเมื่อ 140,000 – 250,000 ปีก่อน
- ช่วงเวลาแนะนำ : ตลอดทั้งปี
- วิธีเดินทาง : จากสนามบินเชจู ให้ขึ้น Airport Limousine Bus เบอร์ 600 ไปลงที่ป้าย International Convention Center (50mins)
- ค่าเข้า : 2000 won
5. Seogwipo Canola
ตามปกติ เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิดอกไม้ก็จะเริ่มบานกันในเดือนเมษายน แต่ดอกไม้บนเกาะเชจูจะบานเร็วกว่าทุกที่ในเกาหลีหน่อย พอถึงกลางหรือปลายมีนาคม ทุ่งกว้างสีเขียวก็จะกลายเป็นสีเหลืองสว่างสดใสไปทั่วเกาะแล้ว มันคือทุ่งดอกคาโนล่า canola นั่นเอง ชื่ออาจคุ้นหูเพราะเมล็ดของคาโนล่านี้แหละที่สามารถสกัดออกมาเป็นน้ำมันคาโนล่าที่เราเอามาใช้ทำอาหาร คนเกาหลีเรียกยูแช yuchae
บนเกาะเชจูมีจุดชมคาโนล่าอยู่หลายที่ แต่ขอพูดถึงทุ่งดอกไม้ที่ Seogwipo ละกัน เพราะเมื่อคาโนล่าเริ่มสะพรั่ง ที่นี่จะมีเทศกาล Seogwipo Canola Flower International Walking คือเทศกาลที่ให้ชมทุ่งคาโนล่าด้วยการเดินนี่แหละ! จัดแค่ปีละ 2-3 วันแล้วแต่ว่าปีนั้นๆคาโนล่าจะบานเมื่อไหร่ โดยจะมี 3-4 เส้นทางให้เลือกเดินแล้วแต่ปี ก็ประมาณ 5-10-20-30 กม
ทุ่งคาโนล่าอยู่ไม่ไกลจากหน้าผาลาวา อยู่เขต Seogwipo ทั้งคู่ มาเชจูทั้งทีอย่าลืมเที่ยวทั้ง 2 ที่เลยนะ
- ช่วงเวลาแนะนำ : มีนาคม – เมษายน *รอติดตามช่วงเวลาที่แน่ชัดของเทศกาลได้ทาง Jeju Tourism
- วิธีเดินทาง : จากสนามบินเชจู ให้ขึ้นบัสไปลงที่ Jeju International Convention Center
- ค่าเข้า : 10,000 won
2 สถานที่สุดท้ายที่เราเอามาฝาก (หน้าผาลาวาและทุ่งคาโนล่า) ตั้งอยู่บนเกาะเชจูนะ ใครสายประหยัดแนะนำให้หาตั๋วโปรบินลงโซลก่อน เพราะจะถูกกว่าบินตรงกรุงเทพ-เชจู จากโซลเดินทางไปเชจูก้ง่ายนิดเดียวแค่บินจากสนามบิน Gimpo (GMP) ในโซล ไปลงที่ Jeju (CJU) บินประมาณชั่วโมงเดียวเอง
- ลองเข้าไปเลือกดูตั๋วบินไปเชจู (Gimpo – Jeju) ใน Traveloka ได้เลย : คลิกที่นี่
ราคาดีใช้ได้ ช่วงต้นใบไม้ผลิที่ดอกคาโนล่าเริ่มบาน ราคาตั๋วไปกลับเริ่มต้นที่ 1,4xx บาทเท่านั้น - ส่วนตั๋วจากกรุงเทพไปโซล (Bangkok – Seoul) เข้าไปเลือกใน Traveloka ได้เลย : คลิกที่นี่
ต้นฤดูใบไม้ผลิ เจอราคาดีไปกลับ 6,1xx ด้วย
ก่อนซื้อตั๋วอย่าลืมเชคโปรดีๆ ของ Traveloka ดูก่อนนะ
หน้านี้ชอบแจกโค้ดส่วนลดค่าตั๋วค่าที่พักบ่อยๆ : คลิกกก
เดี๋ยวมาต่อกับ Winter Wonderlands in Asia!
Pingback: 9 Winter Wonderlands in Asia | Above Sea Level