เปรู ประเทศที่นักเดินทางรู้จักกันดี หลายล้านคนมาที่นี่เพื่อมาเยือน มาชูปิกชู หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก อืม เราก็อยากไปเหมือนกัน แต่สิ่งที่ดึงดูดเรามากกว่าเมืองโบราณนั้นคือเมืองกลางทะเลทราย และ เปรูมีโอเอซิส!
เปรู เป็นประเทศที่มีภูมิอากาศหลากหลาย ร้อนทะเลทราย ฝนป่าamazon หนาวเทือกเขาแอนดีส นอกจากต้องเตรียมเสื้อผ้ากันร้อน กันหนาว กันฝนแล้ว ยังต้องฉีดวัคซีนกันโรคด้วยหลักๆคือไข้เหลือง ไทฟอยด์ ไข้หวัดใหญ่ และก็กินยากันมาลาเลียไว้ แต่ถ้าใครไม่เข้าป่าamazon โรคเยอะเกินไม่ไหวไปแค่มาชูปิกชูพอ ก็เตรียมแค่ยาแก้แพ้ความสูงไป เผื่อไว้ก่อน เด๋วป่วยแล้วจะเที่ยวไม่สนุก
เราเริ่มเดินทางที่เมือง lima เป็นเมืองหลวงของเปรู โดยค่อยๆเที่ยวไล่ทีละเมือง เป็นเวลา 3 อาทิตย์ ให้ร่างกายค่อยๆปรับสภาพก่อนขึ้นที่สูง ไปจบที่เมือง Puno เป็นเมืองสุดท้ายของเปรู
ส่วนใครที่จะฉีดแค่ไข้เหลืองเพื่อเอาไว้ขอวีซ่าโบลิเวีย แนะนำให้มาฉีดฟรีที่ Hospital Arzobispo Loayza โรงบาลใจกลางเมืองในลิม่า ฟรีทุกวันอังคารก่อนเที่ยง ไข้เหลืองภาษาสเปนคือ La fiebre amarilla ประเทศนี้ไม่มีใครพูดอังกฤษ โหลดดิกภาษาสเปนมาเก็บไว้ในมือถือนะ ช่วยได้มาก ถ้าพูดไม่ได้ก็เขียนเอา
ถ้าไม่สะดวกวันอังคาร โรงบาลอื่นก็มีสลับกันไปจันถึงศุกร์ แต่ถ้าโรงบาลอื่นบางเดือนจะไม่มี เชคตารางฉีดของที่อื่นได้ที่หน้าห้องฉีดวัคซีนของโรงบาล Loayza เนี่ยแหละ
ทางไปฉีดฟรีตามรูปเลย ตึก 7 เดินขึ้นไปชั้น 2 นะ :)
เราอยู่ที่ลิม่า 4 วัน เดินเล่นไปเรื่อย เมืองนี้ฝนไม่ตกแต่มีหมอกปกคลุมตลอดเวลา วันๆตื่นมาไม่เคยได้เห็นพระอาทิตย์เลย ก่อนออกจากเมืองแวะไปดูทะเลสักหน่อย ไม่เคยคิดเลยว่าทะเลอีกฝั่งนึงของมหาสมุทรแปซิฟิกจะดูหมองขนาดนี้
หารถบัสนั่งไปเมือง Paracus แต่แพง เลยไปลงเมือง Ica แล้วค่อยต่อนั่งรถตู้ ไป Paracas เพื่อต่อเรือไปเกาะ Ballestas อีกที เกาะนี้มีอีกชื่อว่า Poor galapagos กาลาปากอสสำหรับคนจน ใครไม่มีเงินนั่งเครื่องไปกาลาปากอสก็มาที่นี่ละกัน เป็นเกาะร้างที่มีเพนกวิน สิงโตทะเล ปลาโลมา นกทะเลต่างๆเต็มไปหมด เยอะจนบางทีก็แอบกลัว
อากาศที่นี่หนาว นั่งเรือลมตีอีก เตรียมเสื้อกันลมมาด้วยไม่งั้นมีป่วย
เกาะนี้แต่ก่อนเคยมีคนอาศัยอยู่ เพราะเป็นแหล่งสินค้าส่งออกที่สำคัญของเปรู คือ white gold หรือ ขี้นก นี่เอง :D
นั่งรถตู้กลับ ไปอีกเมืองต่อ Haucachina อ่านว่า “วากาชิน่า” เป็นเมืองที่อยู่หลังแบงค์ 50 ของเปรู หรือรู้จักกันในชื่อของ “The Oasis of America” เป็นโอเอซิสที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหนึ่งเดียวในทวีปนี้ พอเริ่มดังคนเลยมาสร้างเมือง สร้างโรงแรมกันที่นี่ ตอนนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวไปแล้ว มีถนนตัดเข้าไปในโอเอซิสเลย
เดินออกมาจากเมืองหน่อย เจอโอเอซิสบริสุทธิ์ ไม่มีคน ไม่มีเมือง.. นี่แหละสิ่งที่อยากเห็น!
เดินไต่ยอดทะเลทรายไปเรื่อย ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย วิวที่เห็นมันกลืนความเหนื่อยไปหมด เดินๆไปทรายเข้ารองเท้าเริ่มเยอะต้องคอยเคาะออก อีกมือถ่ายรูป อีกมือเคาะรองเท้า สุดท้ายเสียหลักตกจากสันลงไปในทราย ข้าวของกระจัดกระจาย นอนนิ่งอยู่สักพัก.. ชายแปลกหน้าคนนี้เป็นคนยื่นมือช่วยดึงเราขึ้นมา เก็บของ ให้น้ำดื่ม :)
ขอบคุณในความใจดี
วันต่อมาเอาใหม่ ไม่พกของรุงรังแล้ว ไปแต่ตัว ออกไปเล่น sandboarding! เนินทรายที่นี่สูงสะใจดี แม้จะเซ็งเวลาทรายเข้าปาก แต่สนุกมาก ห้ามพลาด!
บนนี้ นอกจากทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาแล้ว ยังมองเห็นตัวเมือง Ica ที่อยู่ข้างๆด้วย
ทะเลสาบกลางโอเอซิส สงบร่มเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ
มีต้นปาล์ม และไม้น้ำขึ้นอยู่เต็มไปหมด :)
เบื่อทะเลทรายแล้ว ได้เวลาย้ายเมือง :D
นั่งรถต่อมาไม่นานถึงเมืองนาซคา เมืองมรดกโลกอีกเมืองของเปรู พื้นที่บริเวณนี้มีภาพวาดโบราณที่เรียกว่าเส้นนาซคา บ้างเป็นรูปเรขาคณิต บ้างเป็นรูปสัตว์ บ้างเป็นรูปคน ซึ่งถูกวาดขึ้นเมื่อ 1,500 ปีที่แล้ว
เส้นนาซคา สร้างขึ้นเพื่อให้มองจากท้องฟ้า ต้องนั่งเครื่องบินเท่านั้นถึงจะเห็น ทำให้สงสัยกันว่าสร้างขึ้นมาทำไม ทั้งที่สมัยก่อนไม่มีเครื่องบิน นักโบราณคดีบางคนบอกว่าเพื่อใช้เป็นปฏิทินดูดาว บ้างบอกว่าเพื่อบูชาเทพเจ้า บ้างเชื่อว่าเส้นนาซคาเหล่านี้มนุษย์ไม่ได้วาดแต่เป็นมนุษย์ต่างดาว :O
ลายเส้นหยึกยือในรูปนี้เป็นรูปต้นไม้
ใครอยากเห็นใกล้ๆ มีหอดูเส้นนาซคาที่ตั้งขึ้นมาโดดๆ มีคนเฝ้าอยู่คน เราแวะตั้งแต่ก่อนเข้าเมือง บอกคนขับว่าขอลงรถบัสที่นี่ แล้วค่อยโบกรถบัสคันต่อไปเข้าเมือง มีรถผ่านทุกครึ่งชั่วโมง
นั่งรถบัสกลางคืนจากนาซคาไปคุชโค เมืองหน้าด่านเพื่อไปมาชูปิกชู ระหว่างทางถนนพัง รอเจ้าหน้าที่ซ่อมไปหนึ่งวันเต็ม กินนอนบนรถ โชคดีที่มีของกินติดกระเป๋าตลอด ไม่งั้นแย่
พอถึงคุชโคเราหาที่พักนอนทันที จะได้ปรับสภาพร่างกาย เพราะเมืองนี้อยู่สูงประมาณ 3400 ม. คิดว่านอนสักตื่นคงโอเค แต่ก็ไม่รอด อ้วกไม่หยุด กินน้ำเปล่าก็อ้วก สรุปนอนเฉยๆอยู่สองวัน วันที่สามเลยตัดสินใจลงไปมาชูปิกชู เพราะเมืองนั้นอยู่ต่ำกว่าคุชโค
วิธีไปมาชูปิกชูมีหลายแบบ ง่ายสุดคือนั่งรถไฟไปถึงเลย ถ้าใครอยาก trek ก็ไปเส้น inca trial เดินเลาะเขา 4 วัน สองหมื่นและต้องจองล่วงหน้า เห็นราคาแล้วลาก่อน เหนื่อยไม่ว่าแต่อย่าแพง :P
แน่นอนว่าเราเลือกวิธีที่ถูกสุด คือนั่งรถตู้ไปลงทางเข้าอุทยาน แล้วเดินตามทางรถไฟไปจนถึง aguas calientes หมู่บ้านที่อยู่ตรงทางขึ้นมาชูปิกชู ซึ่งทุกคนต้องมาแวะที่นี่เพื่อซื้อตั๋วเข้ามาชูปิกชู
aguas calientes เป็นหมู่บ้านที่มีทุกอย่าง ธนาคาร ร้านค้า บาร์ โรงแรม ลึกเข้ามาในป่าตั้งไกลนึกว่าจะดิบๆหน่อย แต่ไม่เลย สะดวกสบายแสงสีพร้อม
ซื้อตั๋วเข้ามาชูปิกชู 700 บาท ราคานักเรียนลดครึ่งนึง :) ได้ตั๋วแล้วก็นอนพักที่นี่หนึ่งคืน ที่นี่สูง 2400 ม. อาการแพ้ความสูงไม่มีแล้ว เลยคิดว่าตื่นมาจะเดินขึ้นมาชูปิกชูเอง จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถบัส
ถึงแล้ว มาชูปิกชู :)
มาชูปิกชูอยู่สูงมาก ไม่รู้ขนหินขึ้นมาสร้างกันยังไง ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์กันบนนี้ มีระบบน้ำด้วย ในวันสุดท้ายของฤดูร้อนและฤดูหนาวดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ตรงกลางหน้าต่างพอดี โอ้ ล้ำ
ตัวอัลปาก้าก็กินนอนอยู่บนนี้หมือนกัน ดูหุ่นซะก่อน : D
แดดจ้าอยู่ดีๆ ฝนก็ตกหนัก หมอกลงมองไม่เห็นอะไรเลย อยู่ต่อไม่ไหว ถ้าก้าวพลาดอาจตกเขาตายอยู่ที่นี่ได้ รีบเดินกลับลงมา แต่พอเห็นทางลงเขาแล้วคงรีบไม่ได้ เพราะจากขั้นบันไดมันกลายเป็นน้ำตก!
ฮือออออ เดินไปด่าตัวเองไป ทำไมไม่นั่งรถวะ! แต่ก็มาขนาดนี้แล้ว ตกมาเหอะยังไงก็ได้ ขอให้รองเท้าอย่าพังเป็นพอ
ลงจากเขามา เดินตามทางรถไฟต่อ รถไฟมาทีต้องหลบให้ที แซงเราไปทุกขบวน ฮ่าๆ แต่ข้อดีของการเดินก็คือเราสามารถจะหยุดตรงไหนก็ได้ นานแค่ไหนก็ได้ เพราะถ้าผ่านวิวดีๆ เราคงจะอยากนั่งมองมันนานๆ
กลับมาเมืองคุชโค เดินในเมืองเก็บมิวเซียมและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ก่อนออกจากเมืองแวะไปทำวีซ่าเข้าโบลิเวีย ถึงปุ้๊ป เจ้าหน้าที่ยังไม่ทันอ่านชื่อเราด้วยซ้ำ เอาสมุดไปปั้มวีซ่ามาให้แล้ว เร็วจนไม่รู้ว่า 2 นาที หรือ 3 นาที เฮ้ย ง่ายไปมั้ย!
เกือบลืม คนเมืองนี้น่ารักมาก :)
นั่งรถต่อมาเมืองปูโน่ วิ่งมาไม่ถึงชั่วโมง รถพัง อืม ต้องรอโบกรถคันถัดไป เยี่ยมไปเลย! พอมาถึงฝนตก ตก และตกไม่หยุด มาเมืองนี้ตั้งใจว่าจะไปดูเกาะลอยน้ำ แต่ฝนก็ตกอยู่อย่างนั้น รออยู่มาสามวัน เลยไปดูทั้งฝนตกก็ได้ ฮือ
เกาะลอยน้ำที่เราอยากไปนี้ชื่อว่า uros ทำจากฟางของต้น totora(คล้ายๆต้นกก) ชาวอูรอสสร้างมาเพื่อหนีชาวอินคาสมัยรบกัน ซึ่งชาวอินคาถือว่าพวกอูรอสเป็นชนเผ่าเร่ร่อนไร้อารยธรรม แต่ตอนที่สเปนมาตีเปรู ชนเผ่าเดียวที่อยู่รอดก็คือ ชนเผ่าอูรอสนี่แหละ
สิ่งที่คาดหวัง ชาวอูรอสใส่เสื้อสีสันสดใสออกมารอรับ
แต่นี่คือสิ่งที่ได้เจอ :’)
ลาฝนตกหนักจากเมืองปูโน่ นั่งรถเลาะริมทะเลสาบติติกากา อยู่ๆคนขับก็จอดรถ และเดินขึ้นมาไล่ให้ทุกคนลงจากรถ พร้อมบอกให้ถือพาสปอร์ทลงไปด้วย..
ถึงชายแดนแล้วสินะ
ลาก่อนประเทศเปรู ขอบคุณสำหรับความทรงจำดีๆ
สุดท้ายนี้ เปรูเป็นประเทศที่ค่าครองชีพถูก ค่ารถค่าที่พักส่วนใหญ่ราคาหลักร้อยหมด เราบินจากเมกาไปเปรูค่าตั๋วเลยถูก ส่วนค่าตั๋วจากไทยอาจจะแพงหน่อย แต่ต้องไปนะ เมืองโบราณต่างๆ วัฒนธรรมชนเผ่าอินคา ธรรมชาติหลากหลาย คือถูกและดีจริงๆ วีซ่าก็ฟรีอีก :D
รายละเอียดค่าใช้จ่ายดูได้ที่นี่ -> Peru Budget
awesome!
LikeLike