คราวนี้พาออกนอกเมืองไปเดินป่าที่ Joshua tree แวะเมืองพักร้อนยอดฮิตอย่าง Palm Springs จนถึง Coachella สถานที่จัดงาน music festival ระดับโลก นอกจากนั้นเรายังแวะไปดูบ้านแถว Malibu ย่านที่มีแต่บ้านคนรวยและดาราเซเลบ
ไปค่ะ แล้วคุณจะรักแอลเอ เหมือนที่เรารัก
จาก LA ขับรถไป Palm springs ประมานชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ออกจากตัวเมืองไม่นานจะเริ่มเห็น Landscape เปลี่ยนเป็นแบบทะเลทราย และแถวนี้ลมแรงเลยเต็มไปด้วยกังหันลมเอาไว้ผลิตไฟฟ้า
Palm springs เป็นเมืองพักตากอากาศยอดฮิต เรามาถึงก็ตรงไปที่พักที่จองไว้ก่อนเลย คืนนี้เราจะนอนกันในรถตู้กลางทะเลทราย เลยต้องเข้าไปเช็คก่อนว่ารถตู้ที่เราเช่านอนกันนั้น มีทั้งน้ำและไฟพร้อมมั้ย เพื่อความสบายใจก่อนออกไปเที่ยว

ที่แรกเลยคือ Monument House ออกแบบโดย Josh Schweitzer อยู่ตรงทางเข้าอุทยาน Joshua tree
บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักตากอากาศที่เจ้าของตั้งใจสร้างให้ครอบครัวมาพักผ่อน แต่สร้างทิ้งไว้หลายสิบปีแล้วปัจจุบันยังสร้างไม่เสร็จ
ใครชอบเที่ยวธรรมชาติ แต่ก็ชอบดูงานดีไซน์ ฝันอยากมีบ้านเล็กในป่าใหญ่ มองออกไปเห็นวิวสวยๆตามช่องเจาะต่างๆ น่าจะชอบที่นี่นะ
ที่ต่อไปคือ Joshua tree national park อุทยานแห่งชาติชื่อดังที่แทบทุกคนที่อยู่ LA ต้องเคยมา ชื่อของอุทยานมาจากชื่อต้นไม้ Joshua tree ซึ่งขึ้นอยู่เต็มไปหมดในทะเลทรายที่นี่ และต้นไม้นี้ก็ขึ้นแค่ที่นี่กับอิสราเอลเท่านั้นในโลก
ขับรถเข้าไปในอุทยานประมานเกือบชั่วโมง จะมาถึงจุดที่เราชอบที่สุดในอุทยานคือ Cholla cactus Garden เป็นบริเวณที่มี Cholla กระบองเพชรชนิดที่มีขนปุยๆ ขึ้นเต็มไปหมด น่ารัก
โชคดีมากมาถึงที่นี่ก่อนพระอาทิตย์ตกพอดี แสงสุดท้ายฉาบทุกอย่างกลายเป็นสีทอง สวยมาก ยิ่งเจ้าต้น Cholla cactus พอต้องแสงแล้วสวยจริงๆ
ตกเย็นกลับที่พัก มานอนในรถตู้ เป็นครั้งแรกเลยที่นอนในรถบ้าน Airstream แบบนี้ ข้างในมีแค่เตียงนอนกับห้องน้ำเล็กๆ ไม่ได้สะดวกสบายแต่แลกกับวิวสวยๆที่มองออกไปทางไหนก็เจอ
นอนกลางทะเลทรายก็ดีอย่าง ตื่นมาก็เดินออกไปถ่ายรูปเล่นได้เลย :D Joshua tree แต่ละต้นเห็นสูงแค่ไม่กี่เมตรแต่อายุเป็นร้อยปีนะคะ
ต่อไปคือ Salvation Mountain เป็นสถานที่ๆมีสีสันสดใสที่สุดที่เคยไปมาเลยในชีวิตนี้ ซึ่งภูเขาลูกนี้เกิดขึ้นมาจากผู้ชายคนเดียว ชื่อ Leonard Knights ซึ่งลุงแกสร้างๆวาดๆมา 30 ปีกว่าจะได้ขนาดนี้
แรงบันดาลใจในการสร้างที่นี่ คืออยากเผยแพร่คำสอนและความรักของพระเจ้า ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าลุงแกตีความออกมาเป็นงานศิลปะได้น่ารักสดใสขนาดนี้ ตอนแรกที่เห็นเรานึกว่างานผู้หญิง
ที่นี่มีคนมาถ่ายหนังและเอ็มวีมากมาย รวมถึง into the wild หนังในดวงใจนักเดินทางหลายๆคนด้วยนะ
นอกจากนี้เรายังได้ไปงานของ Desert X ที่รวมผลงานศิลปะต่างๆของศิลปิน เอาไปไว้กลางทะเลทรายไกลๆ แต่ละงานจะมีคอนเซ็ปไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็น installation art ที่เล่นกับ Space และ Landscape ของที่นั่น
ซึ่งจะจัดแค่ช่วงเมษายนของทุกๆปี ใครมาช่วงนี้เราแนะนำให้ไปดู เพราะงานศิลปะที่จัด out door หาดูยากนะ ไปเถอะ เพลินๆ
และถ้ามาช่วงเมษา เป็นช่วง Spring Flower Bloom พอดี ข้างทางจะเต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าที่กำลังผลิดอกก่อนหน้าร้อนจะมา
ต่อไปคือ Coachella Music Festival เป็นงานดนตรีที่เราอยากไปมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แต่ก่อนสงกรานต์ไม่ได้ไปไหนก็จะดู Live สดทุกปี แต่พอมาจริงๆกลับไม่ค่อยประทับใจ และรู้สึกเอาเองว่ายุครุ่งเรืองของ Coachella ได้ผ่านไปนานแล้ว แต่ก็ถือว่ามาเอา Check list สิ่งที่อยากทำในชีวิตนี้ออกไปได้อีกอย่างหนึ่ง
ก่อนกลับแวะมา Palm springs อีกครั้ง เพราะเป็นทางผ่านกลับ LA เมืองนี้ไม่ได้มีอะไรมากเลย นอกจากทะเลทรายแห้งแล้งกับบ้านพักเรียบๆ แต่แปลก เรากลับชอบและมาทุกปี
ระหว่างทางจะผ่าน Cabazon Dinosaurs – World’s Biggest Dinosaurs อีกหนึ่งโลเคชั่นถ่ายหนังหลายเรื่องๆ แต่เรามาที่นี่เพราะตามรอบหนังโปรดเรื่องเดิม Paris, Texas <3
กลับมาถึง LA ก็แวะดูบ้านและงานสถาปัตยกรรมต่างๆอีกตามเคย ที่นี่ยังคงมีอะไรให้เรามาเที่ยวได้อีกเรื่อยๆ ทุกวันนี้มาแอลเอน่าจะเกิน 10 รอบแล้วแต่ก็ยังเก็บไม่หมด
ขอเริ่มจาก Eames House (Case Study House No. 8) บ้านในฝันของใครหลายคน ออกแบบโดย Charles and Ray Eames สองสามีภรรยาที่ดังมากในวงการออกแบบเฟอนิเจอร์ ที่ออกแบบ Eames lounge chair เก้าอี้ในตำนานตัวละสองแสน
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ท้ายซอยในย่าน Pacific Palisades ไม่ไกลจาก Malibu ตัวบ้านไม่ได้ใหญ่มาก แต่มีพื้นที่สวนรอบบ้าน และมองออกไปจากสวน เป็นวิวทะเล เห็นละก็อยากได้วิวนี้ที่บ้านบ้าง T_T
ใครอยากมาต้องจองล่วงหน้านะ ค่าเข้าคนละ $10 ดอลลาร์ ดูได้แค่ข้างนอกบ้านเท่านั้น ถ้าใครอยากเข้าข้างในต้องจ่าย $275 ดอลลาร์ ก็ตกหมื่นบาทเท่านั้นเอ๊งงงง เห็นราคาละก็ขอวิ่งเล่นอยู่ข้างนอกละกัน :D
ดูบ้านเสร็จ เราก็ไป Getty Villa ที่อยู่ใกล้ๆกันต่อ ซึ่งที่นี่คือที่แรกที่คุณลุง J. Paul Getty เศรษฐีน้ำมันที่สร้างไว้เพื่อเก็บสะสมงานศิลปะ ก่อนจะล้นจนเก็บไม่พอจนต้องไปสร้าง The Getty museum อีกที่นึง ซึ่งเป็นมิวเซียมที่เราชอบมาก เคยเขียนถึงแล้วใน LALALAND EP.2 กลับไปอ่านกันได้
ที่นี่ Getty Villa เป็นที่เก็บสะสมงานศิลปะและสถาปัตยกรรมของกรีกโรมันกว่า 40,000 ชิ้น คือเดินเข้ามาก็เจอรูปปั้นเต็มไปหมด ตัวอาคารก็ใช้เสาแบบ Doric สวนก็ตกแต่งแบบ Peristyle ใครที่อินงานกรีกและโรมันโบราณคือต้องมา แต่ใครไม่อินก็มาเดินเล่นได้เพลินๆ ตั้งอยู่บนเขา บรรยากาศดี
ตกเย็นแวะมากินข้าวที่ริมหาดมาลิบูสักหน่อย ซึ่งดีมาก! พระอาทิตย์ที่นี่สวยมาก! การนั่งเฉยๆดูพระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้า สีสะท้อนของน้ำทะเลค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแสงอาทิตย์ แค่นี้ก็พอแล้ว <3
ต่อไปคือ Chateau Marmont โรงแรมหรูใน West Hollywood ที่ดาราเซเลบหลายคนชอบมาพักที่นี่ อยู่ในหนังสือหลายเล่ม อยู่ในเพลงหลายเพลง และที่สำคัญคือยู่ในหนังที่เราชอบหลายเรื่อง! โดยเฉพาะหนังเรื่อง Somewhere ของ Sofia Coppola คือถ่ายที่นี่เกือบทั้งเรื่อง
ค่าโรงแรมที่นี่มีหลายราคา ตั้งแต่ถูกสุดคืนละ 700 ดอลลาร์ จนถึงแพงสุดคืนละ 5,000 ดอลลาร์ ถ้าใครตามข่าวดาราฮอลลีวู้ดคงเคยเห็นข่าว ลินด์เซย์ โลฮาน โดนฟ้องเกือบ 2 ล้านบาทที่ไม่จ่ายค่าโรงแรมอยู่เป็นเดือน
โถงโค้ง Arch นี้คือฉากบ้านใหม่ของนางเอก Mia ที่แสดงโดย Emma Stone ในหนังเรื่อง La La Land
เดินเลยไปหน่อย ข้างในโรงแรมมีคอร์ทเล็กๆ เป็นโซนคาเฟ่ น่ารักมากๆ
ก่อนกลับเดินถ่ายรูปเล่นในเมืองกับเพื่อนนิดหน่อย เพื่อนเราไม่เคยมา คราวนี้เราจึงกลายเป็นไกด์จำเป็นพาเพื่อนทัวร์แอลเอ แต่ทุกที่ๆไปส่วนใหญ่ก็เคยเขียนถึงไปแล้ว
แน่นอนว่าที่ๆเรามาทุกครั้งที่มาเที่ยวแอลเอ คือ Griffith Park และ Observatory แสงสวยทุกครั้งที่มา เป็นจุดชมวิวที่ห้ามพลาด ใครอินท้องฟ้า ดวงดาว อวกาศคือต้องมา
LACMA และ Paul Smith’s pink wall เป็นที่ๆทุกคนต้องมาถ่ายรูปลงไอจี ฮิตมาก ใครจะมาเราแนะนำให้มาเช้าๆหน่อย แดดดีแถมคนน้อย สายหน่อยคนเยอะ ถ่ายติดคนละรูปจะไม่สวย ฮ่าๆ :D
และถ้าใครแวะมา Venice Beach อย่าลืมแวะ Binoculars Building กับ Norton House ที่ออกแบบโดย Frank Gehry
สุดท้ายอยากจะบอกว่าครั้งนี้เขียนยาวมากในรอบหลายปี จริงๆยังมีอะไรให้เขียนถึงอีกเยอะ แต่กลัวทุกคนจะอ่านไม่หมด ใครอ่านมาถึงตรงนี้อยากบอกว่าเราดีใจมาก เราชอบแอลเอมาก และหวังว่าทุกคนจะชอบเหมือนกัน
ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่านอันก่อน กดตามลิงค์นี้เลย
LALALAND EP.1 Filming location ตามรอยหนังรักในแอลเอ
LALALAND EP.2 – พาเที่ยวแอลเอ ตั้งแต่ริมทะเลไปจนถึงยอดเขา
โพสต์ก่อนหน้านี้ สนับสนุนโดย Traveloka ใครอยากได้ตั๋วถูก ลองเช็คราคาตั๋วใน https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-united-states-of-america
อย่าลืมสนับสนุนสปอนเซอร์เราด้วยนะ ขอบคุณค่ะ :)