คนแปลกหน้าคนนี้ เราเจอกันที่โฮสเทลในโบลิเวีย เมื่อปลายปีที่แล้ว (คนที่เคยเล่าถึงในตอนโบลิเวีย) ชายหนุ่มชาวเยอรมันวัยยี่สิบปลายๆ ที่เดินทางรอบโลกคนเดียวด้วยเรือมานานถึง 2 ปี
ชายคนนี้เป็นคนที่สอนให้เรารู้จักคำว่า “waldeinsamkeit” ในภาษาเยอรมัน ที่แปลว่า forest solitude ( the feeling of being alone in the woods ) หลังจากที่เราคุยกันเรื่องการเดินเรือ ว่ามันให้ความรู้สึกที่คล้ายกับการเดินป่ามั้ย? ถ้าพูดในแง่ที่ว่าต้องอยู่กับตัวเองคนเดียวในป่าในเขา ตื่นขึ้นมาก็เจอแต่อะไรเดิมๆ ทำแต่อะไรซ้ำๆทุกวัน เป็นเดือนเป็นปี
“ถ้าเรื่องนั้น ผมว่าคล้ายนะ เป้าหมายในแต่ละวันคือเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลานอนก็นอน ตื่นมาก็เดินทางต่อ ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองตลอดเวลา… แต่ถ้าพูดถึงวิถีนั้นมันต่างกันมาก การเดินป่ามีแค่ตัวคุณกับป่า แต่การเดินเรือนั้นไม่ได้มีแค่ตัวคุณกับทะเล แต่ยังมีเรือด้วย พาหนะที่เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย สำคัญพอๆกับหัวใจ ไม่มีมันก็อยู่ไม่ได้… ลองคิดดู ถ้าคุณเจอโจรในป่า คุณคงทิ้งทุกอย่างแล้วหาทางหนี แต่ถ้าคุณเจอโจรในทะเล คุณไม่สามารถทิ้งอะไรได้เลย! หนีไปไหนก็ไม่ได้ ถ้าหนีออกจากเรือก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องอยู่บนเรือนั่น ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันไปตลอดจนถึงฝั่ง”
ในเมื่อมันเสี่ยงขนาดนั้น ทำไมถึงเลือกเดินทางคนเดียวด้วยเรือ?
“การโดนโจรสลัดปล้นนั้นน่ากลัวก็จริง และการใช้ชีวิตกลางทะเลบางทีก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ถ้าคุณได้ลอง ผมเชื่อว่าคุณจะต้องหลงรักมันแน่ รสชาติของท้องทะเล กลิ่นไอ คลื่นลม ทุกอย่างเหมือนที่เคยฝันไว้ แสงอาทิตย์ยามพ้นเส้นขอบฟ้า แสงจันทร์สะท้อนผืนน้ำยามค่ำ ได้เรียนรู้ท้องทะเลในหลายๆมิติ ไม่ว่าจะตอนสงบนิ่งหรือตอนบ้าคลั่ง และที่สำคัญกว่านั้นคือได้ต่อสู้กับความกลัวที่มีอยู่ข้างในตัวเองอย่างแท้จริง”
เกือบครึ่งปีแล้วหลังจากที่เจอกัน ตอนนี้คงกำลังล่องเรืออยู่ที่ไหนสักแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งตอนเห็นเรือก็อดคิดไม่ได้ว่า เรือลำเล็กแค่นี้จะข้ามมหาสมุทรได้ยังไง เจอพายุคลื่นลมแรงๆ จะไปรอดถึงฝั่งรึเปล่า แต่หลังจากที่ได้รู้จักกันก็คงต้องยอมรับว่า รอด :)